วัฒนธรรมในแต่ละสังคมล้วนเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ไม่เว้นแม้แต่วัฒนธรรมการทำอาหารที่ต้องถูกประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัย อย่างเช่นขนมที่อยู่คู่สังคมฝรั่งเศสมานานอย่างเอแคลร์
เอแคลร์ เป็นขนมที่อยู่คู่กับร้านเบเกอรี่ในฝรั่งเศสมาแล้วกว่า 150 ปี และยังคงได้รับความนิยมอยู่เสมอ ทั้งกับชาวฝรั่งเศสและชาวต่างชาติ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตำรับอาหารเก่าแก่นี้จะไม่ได้รับการดัดแปลงใดๆ เลย
แต่เดิม เอแคลร์เป็นขนมที่มีไส้อยู่ 2 รสด้วยกัน คือ ช็อกโกแลตและกาแฟ ซึ่งในปัจจุบันดูจะไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภคของลูกค้าสมัยใหม่แล้ว ร้านเบเกอรี่หลายร้านจึงเริ่มคิดค้นเอแคลร์รสชาติอื่นๆ เพื่อดึงดูดความสนใจผู้ซื้อ
หนึ่งในร้านที่ปรับตัวตามเทรนด์ที่ว่านี้ก็คือ ลาเทลิเยร์ เดอ เลแคลร์ (L'Atelier de l'Eclair) เบเกอรี่ที่จำหน่ายแต่เอแคลร์โดยเฉพาะ ซึ่งเพิ่งเปิดทำการมาได้เพียง 2 ปี แต่ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีพอสมควร
เอแคลร์ของที่นี่มีทั้งรสคาวและหวาน คือนอกจากจะมีรสหวานหลากหลายอย่างพราลีน แพชชันฟรุต กล้วย ส้ม เฮเซลนัต และพิสตาชิโอแล้ว ยังมีเอแคลร์ที่ทำเป็นอาหารคาว โดยแทรกเนื้อและผัก ให้อิ่มอร่อยได้คุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนอีกด้วย
ความชื่นชอบเอแคลร์ไม่ได้จำกัดวงอยู่แต่ในหมู่ชาวฝรั่งเศสเท่านั้น ปัจจุบันลูกค้ากลุ่มใหญ่ของลาเทลิเยร์ เดอ เลแคลร์ เป็นชาวต่างประเทศ ทั้งที่อาศัยอยู่ในฝรั่งเศสและที่เป็นนักท่องเที่ยว โดยนักท่องเที่ยวบางคนยอมรับว่าต้องกลับมาที่ร้านนี้ทุกครั้ง หากได้แวะเวียนมาที่ฝรั่งเศส
อีกร้านหนึ่งที่จับเทรนด์การบริโภคเอแคลร์แบบสมัยใหม่ก็คือ เอแคลร์ เดอ จีนี (Eclair de Genie) ซึ่งเปิดให้บริการมาได้ 2 ปีเช่นกัน โดยเจ้าของร้านต้องการผลิตเอแคลร์ให้หรูหราเลื่องชื่อเหมือนอย่างมื้ออาหารฝรั่งเศสทั่วไป
การเลือกใช้วัตถุดิบชั้นเลิศและความพิถีพิถันในรายละเอียดทำให้เอแคลร์ของร้านวางจำหน่ายอยู่ที่ราคาชิ้นละ 4 ยูโร 50 เซนต์ ถึง 6 ยูโร 50 เซนต์ หรือราว 170 ถึง 245 บาท ขณะที่ ร้านอื่นๆ ขายเอแคลร์ช็อกโกแลตและเอแคลร์กาแฟธรรมดาที่ราคาชิ้นละ 2 ยูโร 20 เซนต์ หรือ 80 กว่าบาทเท่านั้น
เห็นอย่างนี้แล้วก็เป็นที่น่าจับตาดูว่า เทรนด์อาหารหรือขนมหวานของฝรั่งเศสจะพัฒนาไปอย่างไรในช่วง 2 ถึง 3 ปีข้างหน้านี้ และจะมีอาหารประจำชาติของประเทศใดที่ปรับโฉมตามกระแสโลกและกระแสความต้องการของตลาดเช่นนี้