รัฐบาลเติร์กเมนิสถานสั่งห้ามนำเข้ารถสีดำ โดยไม่ยอมบอกเหตุผล แถมยังแนะประชาชนให้หันไปใช้รถสีขาวแทน โดยรถในขบวนของประธานาธิบดีก็ถูกเปลี่ยนเป็นสีขาวทั้งหมด
หน่วยงานศุลกากรของเติร์กเมนิสถาน ประเทศเล็กๆในเอเชียกลาง มีนโยบายแปลกประหลาด ไม่อนุญาตให้บริษัทผู้นำเข้ารถ สั่งซื้อรถยนต์สีดำเข้ามาในประเทศ โดยไม่ยอมอธิบายถึงเหตุผล แต่บรรดาผู้ประกอบการต่างได้รับคำแนะนำว่าให้เปลี่ยนไปนำเข้ารถสีขาวแทน เพราะว่าสีขาวเป็นสี "นำโชค" ซึ่งชวนให้คิดว่าการสั่งห้ามนำเข้ารถสีดำ เพียงเพราะสีดำเป็นสีกาลกิณีหรืออย่างไร
ไม่เพียงเท่านี้ ตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา ขบวนรถลีมูซีนและรถเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของประธานาธิบดีเติร์กเมนิสถาน ก็ยังถูกเปลี่ยนเป็นสีขาวทั้งขบวน และใช้ทุกครั้งที่ประธานาธิบดีไปออกงานอย่างเป็นทางการ ทำให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลจำนวนกว่า 160 คน เดินตามรอยประธานาธิบดี หันไปใช้รถสีขาวตามกันหมด
กฎเกณฑ์แปลกประหลาดนี้ มาพร้อมกับการห้ามสินค้านำเข้าอีกหลายชนิด ซึ่งล้วนเกี่ยวข้องกับยานพาหนะ เช่นการห้ามนำเข้ารถคูเป้ ซูเปอร์คาร์ทุกยี่ห้อ รถที่มีทะเบียนสั่งทำ และรถที่ติดฟิล์มทึบ
แต่ดูเหมือนว่าประชาชนในเติร์กเมนิสถานจะไม่แปลกใจกับคำสั่งประหลาดๆที่ดูไร้เหตุผลนี้ เพราะประเทศต้องเผชิญกับคำสั่งที่ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของประธานาธิบดีมานานแล้ว ก่อนหน้านี้ ชาวเติร์กเมนิสถานออกมาประท้วงอย่างหนัก หลังประชาชนในอพาร์ทเมนต์หลายแห่งกลางกรุงอาชกาบัต เมืองหลวงของประเทศ ถูกสั่งให้รื้อเครื่องปรับอากาศออกจากที่พัก เนื่องจากแอร์คอมเพรสเซอร์ที่ยื่นออกมาจากตึก ทำให้ทัศนียภาพในเมืองไม่สวยงาม ทั้งที่อุณหภูมิของอาชกาบัตในหน้าร้อน สูงได้ตั้งแต่ 40 ถึง 60 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะในอาคารที่แออัด
และที่ฟังดูไร้เหตุผลยิ่งไปกว่านั้น ก็คือรัฐบาลเคยทุ่มเงินหลายพันล้านดอลลาร์ไปกับการปรับเปลี่ยนให้อาชกาบัตกลายเป็น "นครสีขาว" ด้วยการสร้างอาคารที่ทำการรัฐบาลและหน่วยงานรัฐเกือบทุกแห่งใหม่ด้วยหินอ่อนสีขาว ซึ่งประธานาธิบดีให้เหตุผลว่าโครงการนครสีขาวนี้ เป็นไปเพื่อคืนกำไรอันมาจากทรัพยากรของประเทศ กลับคืนสู่ประชาชน
เติร์กเมนิสถานเป็นประเทศเล็กที่มีประชากรเพียง 1 ล้านคน แต่ร่ำรวยด้วยการขายก๊าซธรรมชาติ ในฐานะที่เป็นประเทศที่มีก๊าซธรรมชาติมากเป็นอันดับ 4 ของโลก แต่แทนที่รัฐบาลจะใช้เงินในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในประเทศ กลับนำเงินไปสร้างอาคารสูงหรือสิ่งก่อสร้างรูปทรงแปลกประหลาดที่ไม่มีประโยชน์ใช้สอย นอกจากความสวยงามและการทำสถิติกินเนส เวิลด์ส เรคคอร์ด มีเพียงการให้ประชาชนใช้น้ำ และกระแสไฟฟ้าได้ฟรีจนถึงปี 2030 เท่านั้น
ส่วนรัฐบาลปัจจุบัน ก็ถูก Human Rights Watch ประณามว่าเป็นหนึ่งในรัฐบาลที่กดขี่ประชาชนที่สุดในโลก มีการจับกุมคุมขังนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนเป็นจำนวนมาก โดยประธานาธิบดีกูร์บันกูลี เบอร์ดีมูร์กาเมดอฟ และเครือญาติ รวมถึงผู้ใกล้ชิดรัฐบาล ครองอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเหนือประชาชนทุกคน และบังคับให้ประชาชนในประเทศยกย่องบูชาเขาเหมือนเทพเจ้า