เพื่อทำความเข้าใจอัตลักษณ์ทางเพศใหม่ที่เพิ่งจะขยายตัวโดดเด่น มีผลต่อทั้งเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ อย่าง (ที่เรียกว่า) “เกย์” ที่เริ่มผุดสถานบันเทิงเริงรมย์ แหล่งพบปะเป็นชุมชนเฉพาะเพศสภาพ ราวกับดอกเห็ดตั้งแต่ทศวรรษที่ 2500 เป็นต้นมา บริการนักธุรกิจและทหารอเมริกันที่เข้ามาตั้งฐานทัพต่อต้านคอมมิวนิสต์ในสมัยสงครามเย็น ทว่าขัดต่อสิ่งประกอบสร้างที่เรียกว่า “ศีลธรรม” จึงมีการนิยามอธิบายเพื่อทำความเข้าใจและสร้างความเป็นอื่น (alienate) ให้กับกลุ่มคนที่มีรสนิยมทางเพศและอัตลักษณ์ทางเพศที่แตกต่างไปจากรักต่างเพศชายหญิง เช่น หมกมุ่นในกามารมณ์ อารมณ์ทางเพศสูง อารมณ์รุนแรง หึงโหด โมโหร้าย รักแล้วหัวปักหัวปำ หรือไม่มีทางสมหวังในรัก ซึ่งมักจะเกี่ยวข้องกับเรื่องความสัมพันธ์ ความรัก เซ็กซ์ และอาการทางจิต ซึ่งเป็นช่วงที่พวกแพทย์ยังเชื่อว่ารักเพศเดียวกันเป็นอาการผิดปรกติทางจิตเภท

ทั้งนี้ก็เพื่อกล่อมให้เชื่อว่า ความรักระหว่างเพศเดียวกันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ และต้องพบจุดจบด้วยความเศร้าผิดหวัง ไม่เป็นบ้าก็ฆ่าตัวตาย จะได้โดดเดี่ยวตัวเอง ล้มเลิกแสวงหาคนรักเพศเดียวกันแล้วกลับไปรักต่างเพศเหมือนกับผู้ชายผู้หญิง ไม่ไปสร้างความรักความสัมพันธ์กับใครที่ไหน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มจำนวนประชาเกย์มากขึ้น

เพื่อเป็นการสกัดกั้นการแพร่ขยายความหลากหลายทางเพศ นิตยสาร “แปลก” (2518) จึงนำเสนอชีวิตรันทดรักแบบ Agony Column ด้วยคอลัมน์ “โก๋ ปากน้ำ ซะอย่าง”, “ชีวิตเศร้าชาวเกย์”, “ชีวิตเศร้า” หรือ “ระเบียงรักสีม่วง” ซึ่งเหมารวมและสร้างมายาคติว่าความรักเพศเดียวกันเป็นสิ่งเกินจริง แปลกประหลาด และจบไม่สวย จนรวบรวมมาเป็นหนังสือ “ชีวิตเศร้าชาวเกย์” (2521) นอกเหนือจากสื่อต่างๆผลิตซ้ำภาพเหมารวมอย่างต่อเนื่อง เช่นภาพยนตร์ “เพลงสุดท้าย” (2528) “พิศวาส” (2530) นิยาย “ซากดอกไม้” (2539) เพลงลูกทุ่ง “น้ำตาสีม่วง”(2548) และอีกครั้ง ภาพยนตร์ “เพลงสุดท้าย” (2549)

 แม้ว่าจะไม่มีสถิติเป็นเรื่องเป็นราว แต่ก็ถูกเชื่อถ่ายทอดกันเรื่อยมาโดยทั้งคนรักต่างเพศและคนรักเพศเดียวกันในรุ่นนั้นที่ยังมีชีวิตอยู่และยังหอบความความคิดความอ่านจากยุคนึงมาปลูกฝังอีกยุคนึง จากทศวรรษที่ 2500 ที่การหาคู่รักจะต้องถ่อไปเสาะแสวงหาถึงสวนลุมพินี สะพานพุทธ สะพานมัฆวานรังสรรค์ ต้องอดทนอดกลั้น ระแวดระวัง(ตำรวจและยุง) อาศัยพลังงานและวิริยะอุตสาหะ หรือในคอลัมน์หาคู่รักตามนิตยสารเมื่อทศวรรษที่ 2510-2520 มาสู่ยุคที่เก้งกวางสามารถจับคู่ได้กันตามเวปไซต์ แอพลิเคชั่น และพื้นที่ต่างๆมากมายก่ายกอง และกล้าเปิดเผยตัวตนชัดเจน จนสามารถเห็นเดินกันขวักไขว่ได้ทุกระยะสายตา ลองพับจรวดปาไปยังไงก็โดน

เพราะด้วยระบอบเสรีประชาธิปไตยและระบบทุนนิยม LGBT  จึงมีโอกาสลืมตาอ้าปาก และสามารถผลิตนิตยสาร หนัง ละคร ไลฟ์สไตล์ แหล่งพบปะสังสรรค์ วัฒนธรรมบันเทิงเริงรมย์ คอนเสิร์ตดนตรี นันทนาการ เครื่องมือสื่อสารเฉพาะเพศสภาพเพศวิถีตนเอง ขณะที่ระบบระบอบอื่นให้ไม่ได้ ซ้ำยังคอยตามกำจัดด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งปรับ จำคุก ประหาร

ขณะเดียวกันด้วยสำนึกเสรีภาพ ความหลากหลายทางเพศวิถีเพศสภาพกลายเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงการมีเสรีภาพของสังคม การเปิดเผยตัวเองว่าเป็นกะเทยหรือรักเพศเดียวกันกลายเป็นการปลดแอกออกจากโครงสร้างดั้งเดิมที่เชื่อว่าผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิงเท่านั้น แสดงเสรีภาพในการตัดสินใจเลือกและตอบสนองความต้องการทางเพศของตนเอง เช่นเดียวกับเสรีประชาธิปไตยที่ทุกคนสามารถเลือกพรรคและนโยบายทางการเมืองที่เข้ากับตัวเองได้

การได้เป็นตุ๊ดจึงประหนึ่งขาข้างนึงได้ก้าวมาเหยียบพื้นที่เสรีนิยมแล้ว เป็นคนหัวก้าวหน้า มีสำนึกสมัยใหม่ ไม่อนุรักษ์นิยม ไม่อยู่ในกรอบเก่า ไม่สยบจำนนต่ออำนาจจารีต ขณะเดียวกันก็เข้าใจถึงความหลากหลายของปัจเจกชน เคารพสิทธิ เสรีภาพของแต่ละบุคคลอย่างเสมอภาคกัน ไม่มีใครสูงต่ำเหลื่อมล้ำกัน 1 คน 1 เสียงเท่าเทียมกัน

และเพราะจากประสบการณ์ถูกผลักให้ไปอยู่ชายขอบ (marginalize)และถูกเลือกปฏิบัติ (discriminate) นอกเหนือจากถูกตีตราว่าเป็นบาป เป็นเวรเป็นกรรม เจ็บไข้ได้ป่วย และอะไรต่อมิอะไร ก็ทำให้เกย์ซึ่งอาจรวมถึงกะเทย เลสเบี้ยน เริ่มตระหนักเห็นถึงโครงสร้างสังคมอยุติธรรม เต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำ ความไม่เท่าเทียมกันต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ความรุนแรงทั้งทางตรงที่กระทำต่อเนื้อตัวร่างกายละจิตใจและในเชิงโครงสร้างที่ทำให้คนสามารถเข้าถึงทรัพยากรได้ การเลือกปฏิบัติจากความตั้งใจหรือไม่รู้ตัวแต่เพราะทำไปตามเคยชินหรือเข้าใจว่ามันก็ควรจะเป็นเช่นนั้น

ด้วยเหตุนี้เกย์ กะเทย เลสเบี้ยน จึงเข้าอกเข้าใจผู้ที่เป็นชายขอบและใช้ชีวิตกระแสรองเหมือนกัน ในฐานะหัวอกเดียวกันไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงในสังคมปิตาธิปไตยและผู้ที่ถูกเลือกปฏิบัติเพียงเพราะบ้านจน พิการ ต่างลัทธิศาสนา ชนชั้น อาชีพ  ผิวสี ชาติพันธุ์ ช่วงวัย รูปร่างหน้าตา ไปจนถึงผู้ที่ไม่ได้รับทรัพยากรรัฐสวัสดิการเพียงเพราะไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง

ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี่แหละ...มายาคติและภาพเหมารวมใหม่ต่อเกย์