วันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา ชนชาติลาหู่ ที่หมู่บ้านยอดดอยเชียงดาว ชายแดนไทย - เมียนมาร์ เพิ่งจัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ โดยพวกเขายังรักษาประเพณีดั้งเดิมไว้ได้เกือบทั้งหมด
สำหรับพวกเราที่กรุงเทพฯและที่อื่นๆ เทศกาลปีใหม่ได้จบลงไปแล้ว หลายคนมุ่งหน้าทำงานและใช้ชีวิตตามปกติ แต่สำหรับที่นี่ เทศกาลปีใหม่ เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น วันที่ 17 มกราคม เรามาที่ "กองผักปิ้ง" หมู่บ้านบนยอดดอยเชียงดาว ห่างจากชายแดนเมียนมาร์ เพียงประมาณ 15 กิโลเมตร ที่นี่ คือที่อยู่ของชนชาติลาหู่ หนึ่งในหลายกลุ่มของประเทศไทย
พวกเขามีเสื้อผ้าทันสมัย มีร้านค้าเล็กๆ ที่มีสินค้าครบครัน มีไฟฟ้า น้ำประปา โทรศัพท์ ดาวเทียม และอื่นๆอีกมากมายของความเจริญ ดูเผินๆ ราวกับว่า หมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ คงจะถูกกลืนหายไป ในนามของความเจริญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซ้ำร้าย เมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ กองผักปิ้ง เคยเป็นพื้นที่เสี่ยงของยาเสพติด ที่ข้ามทะลักมาจากพรมแดน ภาพเด็กน้อยดมกาวอยู่ในทุ่ง เคยเป็นเรื่องปกติของที่นี่ แต่ด้วยพลังของอาสาสมัคร ทั้งสมาชิกภายในและภายนอกชุมชน วันนี้ พวกเขายังคงยืนหยัดเป็น "ลาหู่" อยู่ได้อย่างภาคภูมิ บนกระแสธารอันเชี่ยวกราก
วันนี้ เด็กๆ วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน เตรียมงานฉลองปีใหม่ และต้อนรับกลุ่มอาสาสมัครจากข้างนอก ที่มาร่วมเฉลิมฉลองกับพวกเขา ท้องทุ่งเหลืองอร่ามไปด้วยพืชพันธุ์ แทนที่เด็กดมกาว ท่ามกลางความเจริญ ภาษาที่พวกเขาใช้ ยังคงเป็นของลาหู่ เครื่องแต่งกายประจำชนชาติ ยังคงถูกสวมใส่ในช่วงเทศกาล และอาหารประจำถิ่น ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่อย่างข้าวปุก ก็ยังคงถูกตำอยู่ในทุกลานบ้านกว่า 50 หลัง เหมือนเช่นเคย
หากต้นไม้มีรากแก้ว มนุษย์มีรากเหง้า รากของชาวลาหู่ที่บ้านกองผักปิ้งนี้ ก็ต้องนับว่า ยังมั่นคงแข็งแรงดี แม้จะมีสภาพดินฟ้าอากาศ ที่ไม่ค่อยเป็นใจบ้าง
ความเจริญย่อมเป็นที่ปรารถนาของทุกผู้คน แต่คำถามคือมนุษย์ผู้มีอัตลักษณ์กลุ่มหนึ่ง ควรต้อนรับความเจริญจากภายนอกมากน้อยเพียงใดกัน? หลายชุมชน ไม่ได้โชคดีเช่นกองผักปิ้ง หลายแห่งชุมชนแตกสลาย สมาชิกพากันลงจากเขาสู่เมือง และวิถีของชนชาติ ก็ได้ถูกลืมเลือนโดยสิ้นเชิง นับว่าโชคดี ที่กองผักปิ้ง ยังคงยืนอยู่บนเส้นด้ายบางๆนี้ ได้อย่างมั่นคงยิ่งนัก