เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอเนื้อหาที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อใช้วิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาด หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป แสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
ในช่วงที่กระแสละครเรื่องบางระจัน ทางช่อง 3 กำลังมาแรง นักวิชาการ ด้านประวัติศาสตร์ วิเคราะห์ว่าพลอตเรื่องแบบนี้ จะยังได้รับความนิยม เพราะตรงกับรสนิยมการชมละครของคนไทย และชี้ว่าความเข้าใจประวัติศาสตร์ของคนส่วนใหญ่ มักเป็นจินตนาการจากผู้สร้างละคร และผู้เขียนนิยาย
ในงานเสวนาเรื่อง “ศึกบางระจัน: พงศาวดาร-เรื่องจริง-และที่อิงนิยาย” อาจารย์ลลิตา หาญวงษ์ อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม หนึ่งในวิทยากร เปิดเผยว่าความทรงจำของคนไทยเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากการอ่านหนังสือ แต่จะรับรู้ตำนานเรื่องเล่า และป็อปคัลเจอร์ เช่น นิยาย ละคร หนัง และเพลง เป็นหลัก เพราะสังคมไทยไม่ใช่สังคมที่เสพงานทางประวัติศาสตร์มากนัก ความเข้าใจเรื่องประวัติศาสตร์ จึงผูกโยงกับจินตนาการของผู้เขียน ผู้ทำละครหรือภาพยนตร์
นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตว่าสาเหตุที่ละครประวัติศาสตร์อย่างบางระจันยังขายได้ เป็นเพราะคนไทยชอบเรื่องราวรักๆใคร่ๆของตัวเอกในละครมากกว่าเนื้อหาทางประวัติศาสตร์
ส่วน รองศาสตราจารย์สุเนตร ชุตินธรานนท์ คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้ว่าข้อมูลเกี่ยวกับบางระจัน ในบันทึกสมัยอยุธยามีน้อยมาก แต่ระยะหลังกลับมีรายละเอียดมากมายในพงศาวดารที่ชำระขึ้นใหม่ ในสมัยรัชกาลที่ 4 จึงเป็นไปได้ที่จะมีการแต่งเติมเรื่องราวขึ้นภายหลัง
โดยหากดูหลักฐานจากบันทึกสมัยอยุธยา เช่น คำให้การชาวกรุงเก่า ร่วมกับพงศาวดารอื่นๆ จะพบข้อมูลที่บ่งชี้ว่า บ้านบางระจันเริ่มต้นจากการรวมตัวของชาวบ้าน เพื่อป้องกันตนเองการรุกรานของกองทัพขนาดใหญ่ แต่ต่อมารัฐอยุธยาพยายามเข้าไปควบคุม เพราะหากปล่อยไว้อาจกลายเป็นกำลังซ่องสุมของฝ่ายตรงข้าม
นอกจากนี้ รองศาสตราจารย์สุเนตร ยังระบุว่าโดยปกติแล้วประวัติศาสตร์ชาติไทยจะพูดถึงสามัญชนน้อยมาก ยกเว้นเรื่องบางระจัน ที่พูดถึงมากเป็นพิเศษ เพราะแก่นเรื่องสอดคล้องกับการเขียนประวัติศาสตร์ของรัฐไทยนั่นคือการปกป้องเอกราชของชาติไทย