การสักสีสันลวดลายลงบนตัว ดูจะเป็นแฟชั่นที่ธรรมดาไปแล้วสำหรับผู้ที่ต้องการโดดเด่นจากคนอื่น ทุกวันนี้ มีเทรนด์ใหม่อย่างการ "สักตา" ให้กลายเป็นสีต่างๆ ที่นอกจากจะถูกตั้งคำถามเรื่องอันตรายต่อดวงตาแล้ว ยังทำให้เจ้าของรอยสักถูกตีตราจากสังคมอีกด้วย

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่การผ่าตัดลอกต้อ หรือเลสิก ไม่ได้ทำในโรงพยาบาล และผู้ทำก็ไม่ใช่หมอหรือพยาบาล ที่นี่คือร้านสัก และโปเปก แรปเปอร์ชื่อดังชาวโปแลนด์คนนี้ กำลังเข้ารับบริการ "สักตา" ที่จะเปลี่ยนดวงตาสีเทาของเขา ให้กลายเป็นสีฟ้าสดใส และไม่ใช่แค่การเปลี่ยนสีลูกตาดำ ให้กลายเป็นสีฟ้าได้ง่ายๆด้วยคอนแท็กเลนส์ แต่การสักตา คือการเปลี่ยนทั้งตาดำและตาขาวให้มีสีสันตามต้องการ ซึ่งแน่นอนว่าดวงตาสีแฟนตาซีผิดมนุษย์นี้ จะติดตัวเจ้าของรอยสักไปชั่วชีวิต ไม่ต่างจากรอยสักบนร่างกายส่วนอื่นๆ

การสักตาเพิ่งเป็นเทรนด์ฮิตเมื่อไม่ถึง 10 ปีที่ผ่านมา ถือว่าอายุยังน้อยมากเมื่อเทียบกับเทรนด์การสักตัว โดยแรกเริ่ม สีที่เป็นที่นิยมคือสีฟ้า เพื่อทำให้ตาเหมือนตัวละครในดูน ภาพยนตร์ไซ-ไฟชื่อดังแห่งยุค 80s 

ร้านแรกที่รับสักตา คือร้านลูนา คอบรา ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ที่โปเปกเลือกมาสักตาของเขานี่เอง ทางร้านใช้วิธีฉีดสีลงบนตาขาวโดยตรง เพื่อให้สีคั่งอยู่ในเยื่อบุตาถาวร โดยการฉีดต้องทำประมาณ 4 ครั้งต่อข้างจึงครอบคลุมตาขาวทั้งหมด และสามารถมาฉีดเพิ่มความเข้มของเฉดสีได้ในครั้งต่อๆไป ร้านลูนา คอบรายืนยันว่าการสักตา แม้จะดูน่ากลัว แต่จริงๆไม่เจ็บอย่างที่คิด เพียงมีอาการเคืองตาเหมือนอะไรเข้าตาเท่านั้น 

ลูกค้าบางส่วนที่รับบริการสักตา บอกว่ามีอาการแสบตาที่ทำให้นอนไม่หลับในช่วงหลังสักใหม่ๆ แต่ส่วนใหญ่เป็นอาการที่เกิดขึ้นชั่วคราวเท่านั้น และทุกคนก็พอใจกับสีตาสุดแฟนตาซีที่จะอยู่กับพวกเขาไปตลอดชีวิต โดยมีไม่น้อยที่กลับมาเติมสีตาให้เข้มยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม จักษุแพทย์แสดงความกังวลว่าการสักตา เป็นการกระทำที่เสี่ยงต่อการทำให้ตาอักเสบ หรือแม้แต่ตาบอดถาวรสูงมาก เนื่องจากเข็มที่ใช้อาจไม่สะอาด หมึกไม่ได้มาตรฐาน หรือเจาะเข็มลงไปลึกเกินไป เช่นเดียวกับทางร้านลูนา คอบรา ที่เป็นผู้คิดค้นเทคนิกการสักตา ซึ่งแสดงความเป็นห่วงว่าเทรนด์สักตาที่แพร่หลายอย่างรวดเร็ว จะกลายเป็นเทรนด์อันตราย เมื่อสักอย่างไม่ถูกวิธี โดยเฉพาะในหมู่นักโทษ ที่นิยมลักลอบนำอุปกรณ์เข้าไปสักตากันเองในเรือนจำ โดยที่ไม่มีทักษะและเครื่องมือที่เหมาะสม

ที่น่าเป็นห่วงไม่แพ้เรื่องสุขอนามัยของดวงตา ก็คือการที่ผู้ที่สักตา เสี่ยงต่อการกลายเป็นคนที่สังคมรังเกียจ การสักตาสีฟ้า อาจจะไม่ได้ทำให้ผู้สักดูน่ากลัว นอกจากการมีดวงตาแฟนตาซีชวนฝัน แต่ปัจจุบัน คนจำนวนมากนิยมสักตาเป็นสีดำทั้งตา ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าตาที่ดำมืดไม่มีแววตาแบบนี้ ทำให้พวกเขาดูไม่น่าไว้ใจ และไม่มีใครอยากจ้างงาน ยังไม่ต้องพูดถึงว่าการสักตา กลายเป็นอีกสัญลักษณ์ของ "คนคุก" หรืออาชญากร ไม่ต่างจากที่รอยสักตามร่างกาย ที่กลายเป็นการตีตราเหมารวมว่า คนที่สักจะต้องเป็นอันธพาลหรืออาชญากร ทั้งที่เมื่อดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ เจ้าของดวงตาก็ควรมีสิทธิ์ทำอะไรก็ตามที่แสดงตัวตนของพวกเขาได้อย่างเสรี โดยปราศจากอคติจากสังคม