ไม่พบผลการค้นหา
'วิษณุ​' ชี้​ตำรวจพร้อมปฏิบัติหน้าที่​ หลัง ‘พ.ร.บ.อุ้มหาย​ฯ’ มีผลใช้บังคับ​ บอก​อยู่ระหว่างจัดซื้ออุปกรณ์​ ไร้ปัญหาเรื่องงบ​ ย้ำปมศาลตีตก พ.ร.ก. รัฐบาลไม่ต้องรับผิดชอบ โยนเป็นเรื่องมารยาท แต่ไม่มีกฎหมายให้รับผิด เหตุยุบสภาฯ ไปแล้ว

วิษณุ​ เครืองาม​ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย กล่าวก่อนเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ครั้งที่ 1/2566​ ว่า​ ถือเป็นการประชุมครั้งแรกหลังจากที่​พระราชบัญญัติ​ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 หรือ พ.ร.บ. อุ้มหายฯ มีผลใช้บังคับ​ แม้ว่าจะล่าช้าไป​ 3 เดือน​ แต่เจ้าหน้าที่และส่วนที่เกี่ยวข้องก็มีเวลาพอที่จะจัดซื้อเครื่องมือและ​อุปกรณ์​ และจากนี้ต้องวางแผนว่าจะทำอย่างไร​ ให้ออกกฎหมายลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ​ อาทิ​ วิธีการบันทึกภาพ​ การเก็บข้อมูล เป็นต้น​ แต่คาดว่าจะใช้เวลาอีกไม่นาน​ คาดว่าเมื่อประชุมเสร็จก็จะสามารถนำไปใช้ได้เลย​ 

สำหรับงบประมาณนั้น วิษณุ​ ระบุว่า ได้อนุมัติไปก่อนหน้านี้แล้ว​ ระหว่างที่กฎหมายยังไม่ได้ใช้บังคับ ตั้งแต่ยังไม่ยุบสภาฯ  แต่ขณะนี้ยังซื้ออุปกรณ์ได้ไม่ครบถ้วน เนื่องจากต้องจัดหาซื้อเป็นจำนวนมาก ​พร้อมย้ำว่างบประมาณในการจัดซื้อมี แต่ขึ้นอยู่กับบริษัทผู้ผลิตว่ามีอุปกรณ์เพียงพอหรือไม่​ และย้ำอีกว่า การจัดซื้อจัดจ้างจะต้องเป็นในรูปแบบของการประมูลเพื่อไม่ให้เกิดการฮั้วเกิดขึ้น​ 

ส่วนสถานะของรัฐบาล ที่เปลี่ยนเป็นรัฐบาลรักษาการจะมีอำนาจแตกต่างกับก่อนยุบสภาฯหรือไม่ วิษณุ กล่าวว่า​ หากไม่ยุบสภาฯมาก่อนจะมีผลกระทบ​ เพราะหากออก​ พ.ร.ก.มาแล้วไม่ผ่าน​ รัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบ​ แต่หากไม่ผ่านโดยสภาฯ หมายความว่าสภาฯไม่ไว้วางใจ​ แต่หากไม่ผ่านโดยศาล​แปลว่าไม่ถูกต้องตามกฎหมาย​ จึงมีนัยยะที่แตกต่างกัน​ เมื่อรัฐบาลยุบสภาฯแล้วจะไม่มีปัญหาอะไร​ การแสดงความรับผิดชอบ​ไม่ได้เขียนไว้ในกฎหมายแต่เป็นมารยาททางการเมือง​ แต่หากมีคนไปร้องเรียนเอาผิด รัฐบาล​ก็สามารถทำได้​ แต่ยังไม่ทราบว่าจะเอาผิดในข้อหาอะไร​