ไม่พบผลการค้นหา
นอกจากอุตสาหกรรมพลังงานของรัสเซีย จะได้รับผลกระทบจากการควํ่าบาตรทางเศรษฐกิจจากชาติตะวันตกแล้ว ยังมีอุตสาหกรรมอีกอย่างหนึ่ง

นอกจากอุตสาหกรรมพลังงานของรัสเซีย จะได้รับผลกระทบจากการควํ่าบาตรทางเศรษฐกิจจากชาติตะวันตกแล้ว ยังมีอุตสาหกรรมอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งสร้างรายได้ให้กับรัสเซียเป็นจำนวนมาก และก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน อุตสาหกรรมที่ว่านี้คืออะไร และการควํ่าบาตรทางเศรษฐกิจส่งผลอย่างไร 

"อาฟโตแมต คาลาชนิคอฟวา" หรือ "อาก้า" ปืนไรเฟิลจู่โจมสัญชาติรัสเซีย ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นปืนที่ดีที่สุดโลก อาวุธคู่กายของนักรบกองโจรตั้งแต่เวียดกง  บิน ลาดิน  ถึงกลุ่มรัฐอิสลามหรือ IS อาก้าได้รับใช้การปฏิวัติและการต่อสู้ที่สุดโต่งมาโดยตลอดในประวัติศาสตร์โลก ทั้งยัง ได้รับความนิยมอย่างไม่เสื่อมคลาย แต่การควํ่าบาตรทางเศรษฐกิจรัสเซียโดยชาติตะวันตก กำลังสร้างผลกระทบมหาศาลให้กับบริษัทคาลาชนิคอฟ ผู้ผลิตปืนอาก้าอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ด้วยชื่อเสียง ความคงทน และราคาที่ตํ่ากว่าอาวุธชาติตะวันตกอย่างสหรัฐฯหรือเยอรมนี คาลาชนิคอฟ กอบโกยกำไรจากค้าอาวุธให้กับประเทศต่างๆทั่วโลก และเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา คาลาชนิคอฟทำสัญญาขายปืนไรเฟิล 200,000 กระบอกในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่คาลาชนิคอฟสามารถเจรจาธุรกิจครั้งใหญ่นี้ได้

แต่มาถึงเดือนกรกฎาคม คาลาชนิคอฟเป็นหนึ่งใน 8 บริษัทผู้ผลิตอาวุธสัญชาติรัสเซีย ที่ถูกขึ้นบัญชีดำจากสหรัฐฯ ตามมาด้วยสหภาพยุโรปหรือ EU ที่ยุติการทำสัญญาค้าอาวุธ และจำกัดการส่งอาวุธให้เหลือเพียงครึ่งเดียวจากออร์เดอร์ทั้งหมด พร้อมขึ้นบัญชีดำเช่นเดียวกับสหรัฐฯในเดือนกันยายน จากกรณีที่รัสเซียให้การสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในภาคตะวันออกของยูเครน 

นายอเล็กเซ คริวารุชโก ผู้อำนวยการบริษัทคาลาชนิคอฟ กล่าวว่า คาลาชนิคอฟไม่ใช่ของรัฐบาลอีกต่อไป แต่เป็นบริษัทเอกชน ตั้งแต่เขาและนักธุรกิจชาวรัสเซียคนอื่นๆเข้ามาซื้อหุ้นเป็นจำนวนร้อยละ 49 เมื่อหลายปีก่อน และก็ไม่เข้าใจว่าทำไมชาติตะวันตก ถึงได้ขึ้นบัญชีดำเรา ขณะเดียวกัน อาวุธที่ทางบริษัทผลิต ส่วนใหญ่ก็เพื่อป้อนตลาดพลเรือนเป็นหลัก ไม่ใช่เพื่อการทำสงครามอีกต่อไป โดยเฉพาะสหรัฐฯ นับว่าเป็นตลาดใหญ่ที่พวกเราวางแผนที่จะเจาะตลาด ซึ่งการถูกควํ่าบาตรทำให้เราสูญเสียโอกาสครั้งใหญ่ 

นายคริวารุชโกยํ้าว่า แม้ว่าบริษัทกำลังเผชิญกับการควํ่าบาตรทางเศรษฐกิจ แต่เราต้องใช้วิกฤตินี้ให้เป็นโอกาส ซึ่งคณะกรรมาธิการบริหารได้ตัดสินใจหันกระบอกปืน "เข้าตีตลาด" ทวีปเอเชีย แทนตลาดเดิมในยุโรปหรืออเมริกา รวมทั้ง ผลิตอาวุธโบราณเพื่อการสะสมของลูกค้าเฉพาะกลุ่มด้วย 

ก่อนหน้านี้ไม่นาน คาลาชนิคอฟได้ออกวิดีโอโปรโมทใหม่ ด้วยการล้างภาพจาก "ปืนผู้ก่อการร้าย" เป็น "ปืนเพื่อสันติภาพ" แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปืนอาก้าจำนวนมากถูกใช้เป็นอาวุธประจำกาย ของทั้งกลุ่มแบ่งแยกดินแดนยูเครนและกองกำลังยูเครนในภาคตะวันออก ซึ่งความขัดแย้งดังกล่าวเป็นต้นตอของการควํ่าบาตรทางเศรษฐกิจนั่นเอง

ในสมัยที่รัสเซียยังเป็นสหภาพโซเวียต โรงงานผลิตอาวุธปืนอาก้าในเมืองอิเชียฟสก์ ทางตอนกลางของประเทศ สามารถผลิตปืนออกมาได้ 600,000 กระบอกต่อปี เพื่อใช้ในราชการทหาร แต่เมื่อปีที่แล้ว มีเพียงแค่ร้อยละ 10 เท่านั้นที่ผลิตเพื่อใช้ในภารกิจการทหาร แต่อีกกว่าร้อยละ 80 ผลิตมาเพื่อพลเรือนโดยเฉพาะ และในปัจจุบัน คาลาชนิคอฟมีการผลิตปืนรุ่นใหม่กว่า 200 แบบเพื่อตีตลาดพลเรือนโดยเฉพาะ

อย่างไรก็ตาม นายคริวารุชโกเข้าใจดีว่า ถ้าหากจะให้คณะกรรมการบริหารหรือผู้ถือหุ้นไปลอบบี้นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เพื่อผลักดันให้เกิดการยกเลิกการควํ่าบาตรนั้นคงเป็นไปไม่ได้ ได้แต่หวังว่าการควํ่าบาตรจะถูกยกเลิกโดยเร็วที่สุด 

ผลกระทบของอุตสาหกรรมอาวุธ ดูไม่ต่างอะไรจากอุตสาหกรรมปิโตเลียมของรัสเซียมากนัก ซึ่งทั้งสองสิ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักที่สร้างรายได้ให้กับรัสเซียมาโดยตลอด ขณะเดียวกัน นายปูตินซึ่งมีอำนาจมากพอจะช่วยผลักดันให้เกิดการยกเลิกการควํ่าบาตรทางเศรษฐกิจ ยังคงมีท่าทีแข็งกร้าวต่อวิกฤตการณ์ยูเครนอย่างไม่ลดราวาศอก ซํ้าร้ายยังบอกให้ชาวรัสเซียทุกคน เตรียมเผชิญกับความยากลำบากท่ามกลางภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจในปีหน้าอีกด้วย

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
190Article
76559Video
0Blog