ไม่พบผลการค้นหา
Culture Corner ประจำวันที่ 4 พฤศจิกายน 2557 พาไปชมหมู่บ้านชาวอาข่าและกะเหรี่ยงที่เมืองชายแดนของเมียนมาร์ ที่นี่ไม่ใช่หมู่บ้านชาวเขาแร้นแค้นทุรกันดารแบบที่นักท่องเที่ยวคาดหวัง แต่กลับมีวิถีชีวิตผสมผสานความดั้งเดิมกับสมัยใหม่ แถมยังใช้วัฒนธรรมของตนเองดึงเงินจากกระเป๋านักท่องเที่ยวอย่างได้ผล

Culture Corner ประจำวันที่ 4 พฤศจิกายน 2557 พาไปชมหมู่บ้านชาวอาข่าและกะเหรี่ยงที่เมืองชายแดนของเมียนมาร์ ที่นี่ไม่ใช่หมู่บ้านชาวเขาแร้นแค้นทุรกันดารแบบที่นักท่องเที่ยวคาดหวัง แต่กลับมีวิถีชีวิตผสมผสานความดั้งเดิมกับสมัยใหม่ แถมยังใช้วัฒนธรรมของตนเองดึงเงินจากกระเป๋านักท่องเที่ยวอย่างได้ผล
    
จากด่านแม่สาย จังหวัดเชียงราย ข้ามมายังเมืองท่าขี้เหล็กของเมียนมาร์ แล้วเช่ารถตุ๊กๆในราคาไม่กี่ร้อยบาท ใช้เวลาเดินทางจากตัวด่านเพียง 30 นาที ก็มาถึงที่นี่ ศูนย์วัฒนธรรมกะเหรี่ยงและอาข่า ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเนินเขาเตี้ยๆ กลางเมืองท่าขี้เหล็ก

ที่นี่ไม่ใช่หมู่บ้านทุรกันดารกลางหุบเขา แต่ติดถนนใหญ่ หน้าตาดูสวยงามทันสมัย จัดเป็นสวนหย่อมสวยงามร่มรื่น มองเผินๆอาจจะดูเหมือนหมู่บ้านจำลองไว้ขายนักท่องเที่ยว แต่อันที่จริงนี่เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่อยู่มานานแล้ว แต่เมื่อเริ่มมีนักท่องเที่ยวมามากขึ้น เลยมีการจัดระเบียบ ทำถนนเดินขึ้นเนินเขาอย่างสะดวกสบาย แต่ชาวเขาที่นี่ก็ยังคงใช้ชีวิตกันอยู่ตามที่เคยเป็น โดยที่นี่มีชาวกะเหรี่ยงและอาข่า สองเผ่าอาศัยอยู่ร่วมกัน

รายได้หลักของชาวเขาที่นี่มาจากค่าตั๋วเข้าชมหมู่บ้าน ราคาคนละ 100 บาท และเมื่อเข้ามาแล้ว นักท่องเที่ยวก็สามารถเลือกซื้อของจากคนในหมู่บ้านได้ สินค้าส่วนใหญ่จะเป็นงานหัตถกรรม เดี๋ยวนี้ชาวอาข่าและกะเหรี่ยงซื้อของเข้ามาวางขายมากกว่าทำเอง แต่ก็ยังมีสินค้าทำมือหลายชนิดที่ถักทอจากน้ำมือสาวชาวเขา เช่นผ้าฝ้ายทอมือแบบนี้ ทอกันสดๆให้เห็นหน้าบ้าน มีทั้งผ้าพันคอและผ้าขาวม้า ผ้าพันคอผืนเล็กยาว ใช้เวลาทอถึง 2 วัน ขายในราคาเพียง 100-150 บาท ส่วนผ้าขาวมา ผืนกว้างกว่า ใช้เวลาทอ 4 วัน ก็ขายแค่ 300 บาท เช่นเดียวกับเสื้อกะเหรี่ยง ที่เย็บมือ ด้นมือทั้งตัว ขายเพียง 300 บาท ทั้งที่ต้องใช้เวลาทำไม่ต่ำกว่า 1 อาทิตย์ สาวกะเหรี่ยงคนขายบอกว่าขายแพงกว่านี้ก็ไม่มีคนซื้อ เพราะคนนิยมผ้าพันคอและผ้าขาวม้ามากกว่า

ถัดจากบ้านชาวกะเหรี่ยงขึ้นไป ก็จะเป็นบ้านชาวอาข่า ที่แยกออกจากชาวกะเหรี่ยงชัดด้วยเครื่องแต่งกาย คนอาข่าไม่ใส่ห่วงที่คอและขาเหมือนกะเหรี่ยง แต่จะใส่เสื้อปักสีดำ และมีปลอกขาปักลวดลายสวยงาม สินค้าอาข่าจะราคาแพงกว่าของกะเหรี่ยง อย่างเช่นหมวกอาข่าบนศีรษะหญิงอาข่าคนนี้ ปักเหรียญเงินและลูกปัดทั้งใบ มีลวดลายและชั้นเชิงสลับซับซ้อนสวยงาม สนนราคาถึง 6,000 บาท เพราะเป็นของทำมือทั้งหมด ใช้เวลาทำนานนับเดือน

หากคุณโชคดี ได้มาเยี่ยมหมู่บ้านนี้ในช่วงที่มีนักท่องเที่ยวมาก ก็จะได้ชมการแสดงพื้นเมืองของสองชนเผ่าด้วย คนแสดงก็เป็นสาวกะเหรี่ยง อาข่าที่ขายของอยู่ตามบ้านต่างๆนั่นเอง การแสดงสั้นๆ เรียบง่าย แต่เรียกเสียงตบมือจากนักท่องเที่ยวต่างชาติได้อย่างล้นหลามจากความสวยมีเสน่ห์แปลกตาของบรรดานักเต้น การแสดงนี้ไม่คิดเงินเพิ่ม แต่มีกล่องรับบริจาค ที่ผู้ชมมักใส่เงินจนเต็มแน่นกล่องเสมอ

หากมองในมุมของผู้มาเยือน หมู่บ้านกะเหรี่ยงและอาข่าแห่งนี้ อาจจะถูกมองว่าเป็นหมู่บ้านพาณิชย์ ขาดความเป็นชาวเขาดั้งเดิม แต่ในอีกมุมหนึ่ง การที่พวกเขาสามารถใช้วัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของเผ่า แลกกับเงินจากนักท่องเที่ยว เพื่อนำมาพัฒนาหมู่บ้านและเลี้ยงดูครอบครัว แถมยังปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตแบบสมัยใหม่ได้อย่างไม่ขัดเขิน ย่อมเป็นเรื่องดีต่ออนาคตลูกหลานชาวเขาที่จะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น ดีกว่าการคงขนบธรรมเนียมวิถีชีวิตแบบโบราณดั้งเดิมอันยากลำบากเอาไว้ เพียงเพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวที่โหยหาความดั้งเดิมจากชาวเขา ทั้งที่ตนเองติดกับวิถีชีวิตอันสะดวกสบายของชาวกรุง

 

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
190Article
76559Video
0Blog