รายงานพิเศษชุด "อารยธรรมพุทธภูมิ" ตอนสุดท้าย จะนำท่านผู้ชมสัมผัสความงดงามของแม่น้ำคงคา มหานทีศักดิ์สิทธิ์ของชาวอินเดียที่นับถือศาสนาฮินดู เพราะพวกเขาเชื่อว่าพระแม่คงคาเป็นเทพเจ้าพระองค์หนึ่ง วิถีชีวิตของชาวอินเดียจึงผูกพันกับแม่น้ำคงคาตั้งแต่จุติภพ จนเดินทางไปสู่สัมปรายภพ
แม่น้ำคงคาเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ และยิ่งใหญ่ที่สุดของชาวฮินดูปรากฎอยู่ในคัมภีร์พระเวทย์ คัมภีร์ปูรณะ และมหากาพย์ 2 เรื่องของอินเดีย คือ รามายณะ และมหาภารตะ ชาวฮินดูเคารพสักการะแม่น้ำคงคาเป็นเทพเจ้าพระองค์หนึ่ง โดยเรียกขานว่า "พระแม่คงคา" เชื่อกันว่า พระแม่คงคาสถิตย์อยู่บนพระเศียรของพระศิวะในฐานะมเหสีองค์ที่สอง
ตำนานทางศาสนาเกี่ยวกับแม่น้ำคงคา เล่าขานว่า พระเจ้าสักระผู้ทรงมีพระโอรสถึง 6 หมื่นพระองค์ แต่พระโอรสถูกสังหารทั้งหมด วิญญาณของพระโอรสถูกลงโทษให้ท่องไปในโลกตลอดกาล จนกว่าพระแม่คงคาจะเสด็จจากสวงสวรรค์มายังโลกมนุษย์ผ่านมุ่นมวยผมของพระศิวะ จากยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะแห่งหิมาลัย น้ำศัก��ิ์สิทธิ์ของพระแม่คงคงจะชำระบาปให้พระโอรสเหล่านั้นไปสู่สวงสวรรค์
ด้วยเหตุนี้จึงมีความเชื่อว่า พระแม่คงคา มีอำนาจในการปลดปล่อย ทำให้บริสุทธิ์ สำหรับชาวฮินดูแม่น้ำคงคาประดุจมารดาที่เลี้ยงดู อุ้มชูบุตรทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ ทุกๆวันจึงมีผู้คนมากมายจากทั่วทุกสารทิศชุมนุมกันอย่างคับคั่งริมฝั่งแม่น้ำคงคา ทั้งเพื่อชำระล้างร่างกาย และการปลดปล่อยทางจิตวิญญาณ
เมื่อถึงวัยใกล้หมดอายุขัย ร่างของคนเจ็บป่วยจะถูกนำมาไว้ใกล้ฝั่งแม่น้ำคงคา จะมีจุดที่ใช้เป็นที่เผาศพ แต่สำหรับผู้ที่มีฐานะดีสามารถเข้าพักรอความตายได้ที่โรงแรมมรณัง เมื่อเสียชีวิตแล้วก็จะถูกนำไปประกอบพิธีเผาทันที ส่วนผู้ที่มีฐานะยากจน ก็ต้องนอนรอความตายริมฝั่ง และเผาไปตามยถากรรม
แม่น้ำคงคาเป็นแม่น้ำสายยาวที่สุดในโลก มีความยาว 2,510 กิโลเมตร มีต้นกำเนิดอยู่ที่แม่น้ำภาคีรธี บนเทือกเขาหิมาลัย ได้รับการประกาศให้เป็นแม่น้ำประจำชาติของอินเดีย แม่น้ำคงคาผูกพันกับวิถีชีวิตชาวอินเดียตั้งแต่เกิดจนตาย เด็กทารกแรกเกิดจะถูกนำมาทำพิธีชำระบาปในแม่น้้ำเพราะชาวฮินดูเชื่อว่าแม่น้ำคงคาช่วยชำระล้างจิตวิญญาณได้
ในวัยทำงานชาวอินเดียใช้ประโยชน์จากแม่น้ำคงคาทั้งด้านการชลประทาน การค้า และ อุตสาหกรรม เมื่อใกล้หมดอายุขัยร่างคนเจ็บก็จะถูกนำมาไว้ใกล้กับแม่น้ำคงคา เมื่อเสียชีวิตก็จะประกอบพิธีเผา
ทุกวันนี้สภาพของแม่น้ำคงคายกลายเป็นที่ทิ้งขยะของสรรพสิ่งทั้งสิ่งปฏิกูลจากโรงงาน ผสมกับเถ้าถ่าน และซากศพที่เผาไม่หมด แต่ก็ยังมีคนอินเดียจากทุกสารทิศเดินทางมาประกอบพิธีอาบน้ำ และดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์เป็นความศรัทธที่อยู่เหนือเหตุผลทางวิทยาศาสตร์
นอกจากชาวอินเดียแล้ว แม่น้ำคงคาที่เมืองพาราณสี กลายเป็นสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาชมวิถีชีวิตริมฝั่งแม่น้ำคงคา คณะของสถาบันโพธิคยาฯวิชชาลัย 980 ก็เหมือนคณะนักท่องเที่ยวจากตะวันตก ที่ต้องลงเรือตั้งแต่เช้ามืด ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เพื่อล่องไปตามแม่น้ำคงคา ตลอดเส้นทางจะเห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่หลากของชาวอินเดีย ทั้งที่อยู่ริมฝั่ง และใช้เรือเป็นพาหนะเพื่อขายสินค้าที่ระลึกแก่นักท่องเที่ยว
สิ่งที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่รวมถึงคณะของเราซื้อติดตัวไปก่อนลงเรือ คือ กระทงใบเล็ก ๆที่มีกลีบดอกไม้และเทียนบรรจุอยู่ เมื่อเรือลอยลำห่างฝั่งออกไปยังจุดที่มีความสงบ ก็จะมีการลอยกระทงดอกไม้ เพื่อเป็นการขอขมาต่อแม่น้ำคงคา ซึ่งคล้ายๆกับประเพณีลอยกระทง
พระมหาเมธีวชิรญาณ มองแม่น้ำคงคาผ่านแนวคิดทางพุทธศาสนาว่า มนุษย์เราเกี่ยวข้องกับสายน้ำตั้งแต่แรกเกิดจนวาระสุดท้าย มีคำโบราณว่า วิถีชีวิตของคนต้องผ่าน 3 น้ำคือ อาบน้ำร้อน หย่อนน้ำสรง หลั่งน้ำตา และน้ำยังมีความหมายแฝงถึง ความอดอน สามัคคี และยุติธรรม
เมื่อมองวิถีชีวิตของชาวอินเดียผ่านคงคามหานี จะพบว่า คนอินเดียมองโลกในแง่บวก การตายไม่ใช่จุดสิ้นสุดแต่เป็นการเริ่มต้นภพภูมิใหม่ ไปอยู่กับพระเจ้า การเอาศพไปเผาและลอยเถ้ากระดูกลงสู่แม่น้ำเป็นการเดินทางสู่สรวงสวรรค์ จึงต้องมีการเตรียมใจ เตรียมกายเสียก่อนตาย ด้วยเหตุนี้กองไฟจากฟอนฟืนจึงไม่เคยมอดดับไปจากริ่มฝั่งแม่น้ำคงคาตลอดระยะเวลานับพันปี