'พืช-ภาคิน' แจงโพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับการเลือกเพลงและคีย์ เนื่องจากเป็นอารมณ์ความรู้สึกที่อยากจะบอกแฟนคลับ พร้อมขอโทษโค้ชแสตมป์ รวมถึงรายการ the voice และขอรับผิดเรื่องที่เกิดขึ้นเพียงคนเดียว 

พืช - ภาคิน อิศรกุล ผู้เข้าแข่งขันรายการ The Voice Thailand Season 3 โพสต์เฟซบุ๊กขอบคุณแฟนคลับที่ให้กำลังใจและขอโทษโค้ชแสตมป์ รวมถึงรายการ the voice เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับการเลือกเพลงและการปรับคีย์ในรอบ knock out ซึ่งทำให้กลายเป็นประเด็นจนนำปสู่การตีความในหลายแง่มุม และทำให้ 1 ใน 3 ของ Music Directorและโค้ชแสตมป์ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว นอกจากนี้พืช ภาคินได้ชี้แจงว่า การโพสต์ก่อนหน้านี้เป็นความรู้สึกของอารมณ์ที่อยากจะบอกแฟนคลับที่สงสัยและถามเข้ามามาเกี่ยวกับการร้องเพลงที่ต่ำกว่ามาตรฐาน โดยไม่มีเจตนาจะกล่าวโทษหรือให้ร้ายใคร และขอน้อมรับผิดไว้แต่เพียงผู้เดียว  

"สวัสดีครับทุกท่าน ตอนนี้ผมรู้สึกว่าเรื่องที่ผมโพสต์ไปจะกลายเป็นประเด็นและตีความหลายแง่มุมมอง คือจริงๆ ที่ผมโพสต์ไปนั้นเป็นความรู้สึกของอารมณ์ที่อยากจะบอกแฟนคลับที่สงสัยและถามเข้ามามากว่าทำไมการร้องของผมต่ำกว่ามาตรฐานของตัวผมเอง ซึ่งผมไม่มีจุดประสงค์ที่จะกล่าวโทษหรือให้ร้ายใคร "ไม่ว่าจะเป็นโค้ชแสตมป์ ,รายการ the voice หรือใครก็แล้วแต่ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง" ผมเพียงแต่ต้องการบอกความในใจในสิ่งที่คาดหวังและตั้งใจในขณะนั้น และผมเองอาจเข้าใจและสื่อสารผิดพลาดกับโค้ชแสตมป์....ไม่นึกว่าการโพสต์นั้นจะสร้างผลกระทบให้กับโค้ชแสตมป์และรายการ the voice รวมถึงอารมณ์ความรู้สึกของแฟนคลับแสตมป์ด้วย ผมยังเชื่อมั่นในความสามารถการคุมทีมของโค้ชแสตมป์และท่านอื่นๆ การแข่งขันย่อมมีแพ้ มีชนะและการตัดสินใจในการเลือกแต่ละครั้งผมเข้าใจว่ามันยากลำบากสำหรับโค้ชมาก ผู้เข้าแข่งขันทุกคนมีจุดดีและจุดด้อยในตัว ความชอบแต่ละคนแตกต่างกัน ยอมรับในการตัดสินใจของโค้ชทุกท่าน...

สุดท้ายนี้ขอขอบพระคุณแฟนคลับที่ให้กำลังใจและยังเชื่อมั่นในตัวผมและกราบขอโทษที่ตัวผมไม่สามารถทำได้ตามที่ทุกคนคาดหวัง สำคัญผมต้องขอโทษโค้ชแสตมป์ รวมถึงรายการ the voice และแฟนคลับท่านอื่นๆ มา ณ ที่นี้ด้วยใจจริง...

แม้ว่าการแข่งขันของผมจะจบลงแต่ผมยังคงเดินหน้าเล่นดนตรีด้วยใจรักและมุ่งมั่นที่จะให้ผู้ชื่นชอบในเสียงดนตรีมีความสุขกับดนตรีที่ผมบรรเลงด้วยหัวใจ เรื่องและปัญหาต่างๆ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ ผมพืช ภาคิน ขอน้อมรับผิดไว้แต่เพียงผู้เดียว"