ไม่พบผลการค้นหา
เกาต์ เป็นโรคข้อที่เกิดในเพศชายมากกว่าเพศหญิง อาการข้ออักเสบ ส่วนพบมากในฤดูหนาว อาหารที่กินแล้วทำให้เกิดอาการปวดข้อ เช่น เครื่องในสัตว์ ปลาซาร์ดีน สัตว์ปีก ชะอม กระถิน กะปิ ส่วนอาหารที่ทานแล้วช่วยบรรเทาโรคเกาต์ ได้แก่่ น้ำมันโอเมก้า 3 , วิตามินอี เป็นต้น

เกาต์ เป็นโรคข้อที่เกิดจากมีความเข้มข้นของกรดยูริกสูงในร่างกาย ทำให้เกิดผลึกยูเรต ไปสะสมบริเวณอวัยวะต่างๆ เช่น ข้อ เอ็น ไต ก่อให้เกิดการอักเสบ และทำความเสียหายให้อวัยวะ ต่างๆ พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง 

อาการข้ออักเสบ ส่วนพบมากในฤดูหนาว และมักเกิดกับอวัยวะที่อยู่ไกลจากหัวใจ เช่น ปลายมือ ปลายเท้า เพราะกรดยูริกละลายในของเหลวได้น้อยในอุณหภูมิต่ำ จึงมีการตกผลึกเกิดขึ้น และทำให้การไหลของเลือดลดลง โดยอาการที่พบบ่อยที่สุดคือ การปวดข้อนิ้วหัวแม่เท้าอย่างรุนแรง อาจตามด้วยอาการหนาวสั่นและมีไข้  มักพบอาการครั้งแรกในเวลากลางคืน หากเกิดการกำเริบบ่อยและนานพอ ก็จะเกิดการเสื่อมของข้อ เมื่อข้อเสื่อมแม้ไม่มีการอักเสบก็ปวดได้   

อาหารที่กินแล้วทำให้เกิดอาการปวดข้อ เช่น เครื่องในสัตว์ ปลาซาร์ดีน สัตว์ปีก ชะอม กระถิน กะปิ  อาหารทอด และน้ำซุปต้มเนื้อสัตว์ ผู้ป่วยแต่ละคนจะมีอาการจากอาหารไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นต้องใช้การสังเกตเอง โดยมากแพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยกินผักใบเขียวที่มีธาตุเหล็กสูง และดื่มน้ำมากๆ

อาหารที่ทานแล้วช่วยบรรเทาโรคเกาต์
1. น้ำมันโอเมก้า 3 (EPA eicosapentaenoic acid) ลดการสร้างสารลิวโคทรีน (leukotrine) ที่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อ  ถ้ากินเป็นน้ำมันเมล็ดป่านแฟลกซ์ (flax seed oil) วันละ 1 ช้อนโต๊ะ 
2. วิตามินอี ลดการสร้างสารลิวโคทรีน 400-800 หน่วย (IU) ต่อวัน
3. กรดโฟลิก ช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่สร้างกรดยูริก คล้ายฤทธิ์ยาอัลโลพูรินอล (allopurinol) ที่ใช้รักษาอาการโรคเกาต์ 10-40 มิลิกรัมต่อวัน
4. สารสกัดเอนไซม์จากสับปะรด หรือโบรมีเลน (bromelain) เป็นเอนไซม์ย่อยโปรตีนที่มีสมบัติต้านการอักเสบทั้งในสัตว์ทดลองและการวิจัยทางคลินิกในมนุษย์  แต่ถ้าจะกินเอนไซม์โบรมีเลนหรือ กินสับปะรดเพื่อ ต้านอักเสบให้กินสับปะรด 1-4 ผล (ขนาดเล็ก) วันละ 2-3 ครั้ง หลังอาหาร 1 ชั่วโมงครึ่ง มิฉะนั้นเอนไซม์ดังกล่าวจะไปย่อยโปรตีน 
5. เควอเซทิน  ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่สร้างกรดยูริกเช่นเดียวกับกรดโฟลิก  ใช้ใบฝรั่งมี เควอเซทินสูงต้มน้ำดื่ม ใช้ใบฝรั่งสด 30 กรัม ต้มกับน้ำ 3-4 ลิตร จนเดือด เคี่ยว ไฟอ่อนครึ่งชั่วโมงยกลง ดื่มวันละ 1-3 แก้วหลังอาหาร 1.30 ชั่วโมง 
ุ6. ผลเชอร์รี่สด หรือบรรจุกระป๋อง หรือผลไม้สีม่วงแดง  วันละ  250 กรัมมีผลลดกรดยูริกในกระแสเลือด  ผลไม้สีม่วงแดงมีสารแอนโทไซยานินและโพรแอนโทไซยานินซึ่งป้องกันคอลลาเจนจากการถูกทำลาย และสารทั้งสองยังยับยั้งการสร้างสารลิวโคทรีนอีกด้วย สำหรับประเทศไทย กินลูกหว้าหรือมะเกี๋ยงแทนได้  หรือใช้น้ำร้อน 1 แก้วชงดอกอัญชัญสด 1 ดอก 2 นาทียกดอกขึ้น ผสมน้ำเชื่อมพอหวานปะแล่มดื่มได้วันละ  3 เวลา
7. ขึ้นฉ่ายฝรั่งก้านโตๆ มีสารต้านการอักเสบ มีขายในซูเปอร์มาร์เก็ต กินวันละ 4 ก้าน  หรือดื่มชาเมล็ดขึ้นฉ่าย ใช้เมล็ดครึ่งช้อนชาชงน้ำร้อน 1 แก้วดื่ม 1-3 แก้วต่อวัน  หรือจะซื้อสารสกัดเป็นแคปซูลแทนก็ได้
8. ขมิ้นชัน มีสารเคอร์คูมิน (curcumin) ชะลอการสร้างพรอส-ตาแกลนดิน (prostaglandin) ซึ่งเกี่ยวข้องกับอาการปวด เป็นกลไกคล้ายกันกับกลไกระงับปวดของแอสไพริน และไอบูโพรเฟน ที่ปริมาณสูงๆ เคอร์คูมินกระตุ้นต่อมหมวกไต ให้หลั่งสารคอร์ติโซนเพื่อระงับความปวดและการอักเสบได้ กินขมิ้นชันสดชิ้นเท่า 2 ข้อนิ้วก้อย 3 เวลาก่อนอาหาร 
9. ดื่มน้ำสะอาดวันละ 8 แก้ว งดเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ คุมความดันเลือดและปริมาณไขมันในร่างกาย 

ที่มา : รศ.ดร.สุธาทิพ ภมรประวัติ  (เว็บไซต์หมอชาวบ้าน)

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
190Article
76559Video
0Blog