อสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงแม้จะมีราคาสูงลิบ แต่ความต้องการอาคารชุด หรือ คอนโดมิเนียมสร้างใหม่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง
อสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงแม้จะมีราคาสูงลิบ แต่ความต้องการอาคารชุด หรือ คอนโดมิเนียมสร้างใหม่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนชาวจีน เข้ามาซื้อเพื่อหวังเก็งกำไร จนทางการฮ่องกง ต้องออกกฎหมายควบคุมการเปลี่ยนมือซื้อขายอสังหาริมทรัพย์
ค่าครองชีพของเมืองฮ่องกง ถือว่าอยู่ในระดับสูง ติดอันดับต้นๆ ของโลก โดยอัตราค่าแรงขั้นต่ำ เฉลี่ยต่อชั่วโมง อยู่ที่ 32 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือประมาณ 130 บาท อัตรานี้ ทางการเพิ่งปรับขึ้นให้เมื่อปีที่ผ่านมา และจะปรับขึ้นทุก 2 ปี
คนฮ่องกง ต้องมีรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อเดือน ประมาณ 8,000-10,000 ดอลล่าร์ฮ่องกง หรือมากกว่า 3-4 หมื่นบาท ถึงจะเพียงพอต่อภาระค่าใช้จ่าย ทั้งค่ากิน ค่าเดินทาง และค่าเช่าบ้าน ที่มีราคาสูง
ราคาบ้าน หรือที่อยู่อาศัยในฮ่องกง จะแพงกว่าไทย 4-5 เท่า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาคารชุดหรือคอนโดมิเนียม ราคาซื้อขายในตลาด หากเป็นขนาด 30 ตารางเมตร ขั้นต่ำอยู่ที่ 4 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือประมาณ 16 ล้านบาท เห็นราคาแพงแบบนี้ แต่ยังมีนักลงทุน โดยเฉพาะชาวจีน เข้ามาจับจอง เพื่อหวังเก็งกำไร จนทำให้รัฐบาลฮ่องกง เมื่อ 2 ปีก่อน ต้องปรับค่าธรรมเนียมการซื้อขายคอนโดมิเนียมในอัตราที่สูงขึ้น
ขณะที่ คนฮ่องกงส่วนใหญ่ มักใช้สวัสดิการห้องเช่าของรัฐ เพราะมีราคาถูก อยู่ที่ 4,000 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือประมาณ 16,000 บาท โดยผู้ที่จะมีสิทธิ์เข้าอยู่ต้องลงชื่อจองสิทธิ์อย่างน้อย 3 ปี และมีรายได้ไม่เกิน 10,000 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือราว 4 หมื่นบาทต่อเดือน โดยรัฐบาล จะตรวจสอบรายได้ทุก 10 ปี หากมีรายได้เกินเกณฑ์ที่กำหนด จะต้องย้ายออก เพื่อให้ผู้จองรายอื่นเข้ามาใช้สิทธิ์แทน
สำหรับคนไทยที่เข้ามาทำงานในฮ่องกง ยอมรับว่า ค่าครองชีพที่นี่ สูงกว่าไทยหลายเท่าตัว โดยเฉพาะค่าอาหารเฉลี่ยต่อมื้อสูง 40-50 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือประมาณ 160-200 บาท ซึ่งสวนทางกับรายได้ ที่ขณะนี้ เศรษฐกิจฮ่องกง ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจจีน
แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกง หลังถูกแตะเบรก โดยมาตรการคุมเข้มของรัฐในช่วงกลางปีที่ผ่านมา เพื่อชะลอความร้อนแรงจากการเก็งกำไรในธุรกิจนี้ ก่อนจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างกลายเป็นภาวะฟองสบู่แตก อาจไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่ทั่วโลกจับตา หากเทียบกับสถานการณ์ทางการเมืองของฮ่องกงในปัจจุบัน จากการชุมนุมยืดเยื้อและเริ่มรุนแรงขึ้น ซึ่งอาจกระทบต่อราคาสินทรัพย์ และเศรษฐกิจฮ่องกงเสียหายเช่นเดียวกับไทย ที่ยังไม่สามารถฟื้นตัวขึ้นได้
