เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอเนื้อหาที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อใช้วิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาด หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป แสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เคยนั่งเครื่องบินชั้น เฟิร์สคลาส ที่ว่าหรูหราแล้ว วันนี้เราจะพาไปชมห้องสวีท ของสายการบินสิงคโปร์ ที่หรูหราที่สุด เพราะมีห้องนอนส่วนตัวและเตียงนอนที่เหมือนคุณนอนที่บ้าน ส่วนราคาตั๋วโดยสารอยู่ที่ 580,000 บาท จะหรูหราและสะดวกสบายแค่ไหน
นาย Derek Low ได้แชร์ประสบการณ์ การนั่งเครื่องบินของสายการบินที่ดีที่สุดในโลก อย่าง "สิงคโปร์แอร์ไลน์" โดยเลือกนั่งชั้น Suites Class ที่มีค่าตั๋วโดยสารที่ราคา 23,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือ 584,000 บาท นั่งจากสิงค์โปร ไปนิวยอร์คด้วยเครื่อง Airbus A380
สิงคโปร์แอร์ไลน์ เปิดให้บริการชั้น Suites Class ในปี 2008 และเป็นสายการบินที่ให้บริการเชิงพาณิชย์ที่หรูหราที่สุดในตลาด
โดยภายใน Suites Class แบ่งเป็นห้องส่วนตัว ออกแบบภายในด้วยสไตล์ฝรั่งเศส โดยฝีมือของ Jean-Jacques Coste ภายในมีเตียงนอนคู่ ซึ่งน่าจะเป็นสายการบินแรกและสายการบินเดียว ที่ให้บริการนี้ ส่วนเก้าอี้หนังด้านข้างเตียง ตัวเบาะทำจากแฮนด์เมด มีเนื้อสัมผัสเนียนนุ่ม ผลิตโดยศิลปินชาวอิตาลี ที่มีความเชี่ยวชาญด้านงานฝีมือ ที่ชื่อ "Poltrona Frau"
แต่ประสบการณ์สุดยอดนี้มาพร้อมกับราคาที่ค่อนข้างสูง โดยค่าโดยสารอยู่ที่ประมาณ 23,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือ 18,400 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 584,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่คนทั่วไปเข้าไม่ถึง หากเป็นเมื่อก่อน วิธีเดียวที่จะทำให้คนทั่วไปได้นั่งเครื่องบิน ชั้น Suites คือ ต้องกู้เงินจากธนาคารเท่านั้น แต่ปัจจุบัน เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีเศรษฐีจำนวนมากใช้บริการชั้น Suites นี้
นาย Derek Low ได้รีวิวตั้งแต่เข้าเชคอินที่สนามบินชางฮี ที่สิงคโปร์ โดยทันทีที่มาถึงเคาต์เตอร์เชคอิน เขาได้รับการต้อนรับอย่างดีจากพนักงาน เขาเกือบลืมไปว่า ที่สนามบินชางฮี มีเชคอิน-เลาท์ สำหรับผู้โดยสารชั้น First Class และ Suites Class โดยเฉพาะ
เมื่อเขาเข้าไปถึงภายในเชคอิน-เลาท์ พบว่า ภายในมีตกแต่งเหมือนล็อบบี้โรงแรม และยังมีเบล-บอย หรือพนักงานยกกระเป๋าไว้คอยบริการลูกค้าเหมือนโรงแรมอีกด้วย ซึ่งการโดยสารในชั้น Suites นั้น บริการที่ได้รับ คือ ห้องพักส่วนตัว และพนักงานดูแล พวกเขาพร้อมให้บริการและภูมิใจที่นำเสนอการบริการในระดับที่เหนือกว่า ชั้น First Class
ที่น่าทึ่งไปกว่านั้น ก็คือ กระเป๋าเดินทางของเขาไม่ได้หนักอะไรมาก และเขาสามารถยกกระเป๋าขึ้นเครื่องเองได้ แต่สำหรับผู้โดยสารคนอื่นที่อยากจะแพกกระเป๋าให้มีน้ำหนักมากกว่านั้นก็ได้ ก็จะมีเบล-บอยไว้คอยบริการ ความหรูหราเริ่มที่ตั๋วโดยสาร หรือ บอร์ดดิ้งพาส เป็นสีทอง
เมื่อ นาย Derek Low มาถึงเชคอิน-เลาท์ ก็พบกับพนักงานที่ไถ่ถามตลอดเวลา โดยพนักงานหญิงคนหนึ่งบอกกับเขาว่า "ให้ฉันพาคุณไปที่ห้องพักส่วนตัวไหมคะ" และเขาก็เดินตามเธอไป
เมื่อเข้าไปถึงห้องพัก พนักงานคนนั้นถามชื่อของเขา เพื่อทำความรู้จักกันมากขึ้น แต่ดูเหมือนว่าพนักงานคนนั้นจะรู้จักเขา ก่อนที่จะพบกันเสียอีก
เขาได้รีวิวห้องอาหาร ซึ่งมีแชมเปญและไก่สะเต๊ะเสิร์ฟ รวมถึงกุ้งลอฟสเตอร์ย่าง กับ เนยแข็ง รวมทั้งเมนูเบอร์เกอร์เนื้อ กับฟัวกราส์ ใบลีฟและไข่ดาว และเสิร์ฟน้ำมะม่วงปั่นด้วย
ที่นี่ทุ่มเทกับการลงทุนงบประมาณการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้โดยสารชั้น Suites และเมื่อเราเตรียมพร้อมจะขึ้นเครื่อง เขาต้องกรอกชื่อลงในระบบก่อน
สำหรับห้องพักที่เขาเลือกนั้น เป็นแบบ middle suite ซึ่งสามารถปรับเป็นเตียงคู่ได้ในยามที่ต้องการพักผ่อน นอกจากจะมีผู้ให้บริการส่วนตัว ที่เป็นคนเดียวกับที่ปรากฏในวิดีโอสาทิตความปลอดภัย และยังเป็นหัวหน้าของทีมสจ๊วตแล้ว ก็ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวก ตั้งแต่หูฟังคุณภาพดี ยี่ห้อ Bose ส่วนอุปกรณ์ส่วนตัว อย่างโคโลญ ครีมทามือ และผ้าเย็น ล้วนแล้วแต่เป็นของแบรนด์ดัง ซัลวาตอเร เฟอร์รากาโม ขณะที่ หมอน ผ้าห่ม สลิปเปอร์ และชุดนอน เป็นของยี่ห้อ จิวองชี่
เมื่อถึงช่วงเวลาพักผ่อน และมีการปรับเบาะให้เป็นเตียงนอน พนักงานผู้ให้บริการ จะนำผ้าปูเตียงมาปู และแนะนำให้ผู้โดยสารเปลี่ยนชุดนอนในห้องน้ำ ซึ่งห้องน้ำนั้น นอกจากจะมีขนาดกว้างกว่าห้องน้ำของชั้นประหยัดแล้ว ยังมีโถสุขภัณฑ์ที่ใหญ่กว่าที่ปรากฏบนเครื่องบินรุ่นอื่นๆ ขณะที่ผู้โดยสารพักผ่อน พนักงานต้อนรับ จะคอยเดินมาดูทุกๆ 3 นาที โดยที่ไม่รบกวนการพักผ่อนแต่อย่างใด
ช่วงเวลาสำคัญอย่างการเปลี่ยนเครื่อง เพื่อเดินทางต่อไปยังนิวยอร์กนั้น ผู้โดยสารจะได้รับคำแนะนำให้เข้าไปพักที่เลานจ์ของสายการบินลุฟธ์ฮันซ่า ซึ่งมีทั้งอาหารและเครื่องดื่ม และห้องอาบน้ำสุดหรูให้บริการอีกด้วย หากใครที่เบื่อกับการเดินทาง ก็สามารถรบกวนพนักงาน ให้พาเดินชมภายในเครื่องบินแอร์บัส เอ 380 ได้ด้วย