ไม่พบผลการค้นหา
Green Voice ประจำวันที่ 30 กันยายน 2557
Green Voice ประจำวันที่ 30 กันยายน 2557
 
ความพยายามที่จะขยายพันธุ์ต้นไม้โบราณ ที่คิดว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว ทำให้นักพฤกษศาสตร์กลุ่มหนึ่งเลือกที่จะสร้างพื้นที่ป่าปิดขึ้นมาโดยไม่เปิดเผยที่ตั้งให้ประชาชนทั่วไปรู้ ต้นไม้ที่ว่าคือต้นอะไรกันแน่ 
 
เมื่อ 20 ปีก่อน เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาตินิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลียได้พบต้นไม้ที่น่าจะสูญพันธุ์ไปแล้วอย่าง "ต้นสนวอลลีเมีย" ในเขตป่าสงวนวอลลีมี่ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของนครซิดนีย์ ซึ่งนับเป็นเรื่องน่าประหลาดใจอย่างยิ่ง
 
ก่อนหน้านั้น นักพฤกษศาสตร์ศึกษาต้นสนวอลลีเมียจากซากฟอสซิลเท่านั้น เนื่องจากเชื่อกันว่าต้นไม้ดังกล่าวไม่มีอยู่แล้ว โดยน่าจะสูญพันธุ์ไปพร้อมๆ กับไดโนเสาร์ สิ่งมีชีวิตร่วมรุ่น ตั้งแต่เมื่อ 200 ล้านปีที่แล้ว
 
จนกระทั่งปัจจุบัน การค้นพบในวันนั้นนำไปสู่ความพยายามที่จะเพาะพันธุ์ไม้โบราณหายากนี้ให้คงอยู่ต่อไป ซึ่งก็ไม่ใช้เรื่องง่ายนัก เพราะต้นสนวอลลีเมียกำลังถูกคุกคามจากเชื้อราไฟทอฟธอรา โรคพืชที่ติดต่อกันจากพื้นดิน
 
ด้วยประชากรสนวอลลีเมียที่เหลืออยู่ไม่มาก ไม่ถึง 100 ต้น นักพฤกษศาสตร์จึงหาทางออกด้วยการสร้างผืนป่าสนขึ้นในหุบเขาแห่งหนึ่ง ตัดขาดจากโลกภายนอก ซึ่งก็คงจะไม่ผิดนักที่จะเรียกบริเวณนี้ว่า "ป่าแห่งความลับ"
 
นักพฤกษศาสตร์เริ่มต้นด้วยการนำต้นกล้าของสนวอลลีเมียไปปลูกในหุบเขา ทั้งในพื้นที่กลางแจ้งและพื้นที่ที่มีร่มเงา โดยเบื้องต้นคาดว่าต้องใช้เวลาอีกสักระยะ กว่าที่กล้าไม้ทั้งหมดจะโตขึ้นเต็มที่ เป็นไม้ใหญ่ 25 ถึง 40 เมตร และมีสีเขียวชะอุ่มตลอดปี
 
ป่าแห่งความลับที่ว่านี้ ไม่เพียงเป็นหุบเขาห่างไกลเข้าถึงยากเท่านั้น แต่ต่อให้สามารถเข้าถึงพื้นที่ดังกล่าวได้ ก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปภายในได้โดยง่าย
 
นอกจากนี้ ต้นไม้ที่ได้รับการดูแลในป่าแห่งนี้จะต้องถูกศึกษาอย่างใกล้ชิด และนำไปประเมินผลว่าต้นไม้โบราณเหล่านี้ตอบสนองกับสภาวะแวดล้อมต่างๆ อย่างไร เพื่อให้สามารถกำหนดสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการขยายพันธุ์อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดต่อไปได้นั่นเอง
 
ในโอกาสครบรอบ 20 ปีของการค้นพบที่น่าทึ่ง ทางการรัฐนิวเซาท์เวลส์จึงได้ประกาศให้สนวอลลีเมียเป็นต้นไม้สัญลักษณ์ของรัฐ และอนุมัติงบประมาณ 25,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือราว 700,000 บาท ให้เพื่อใช้ในการอนุรักษ์พันธุ์พืชโบราณนี้ต่อไป
 
จนถึงขณะนี้ นอกจากทีมนักพฤกษศาสตร์ที่ทำการศึกษาวิจัยต้นสนชนิดนี้แล้ว ก็ยังไม่มีใครสามารถระบุพิกัดของป่าแห่งความลับที่ว่านี้ได้เลย
Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
190Article
76559Video
0Blog