ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา ปัญหาของช่อง 3 อนาล็อก เป็นปัญหาที่สะท้อนว่า ช่อง 3 เป็นอุปสรรคต่อทีวีดิจิตอลหรือไม่ รวมทั้งการกำกับดูแล กสท. ที่ต้องการเดินหน้าทีวีดิจิตอลในประเทศไทย
ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา ปัญหาของช่อง 3 อนาล็อก เป็นปัญหาที่สะท้อนว่า ช่อง 3 เป็นอุปสรรคต่อทีวีดิจิตอลหรือไม่ รวมทั้งการกำกับดูแล กสท. ที่ต้องการเดินหน้าทีวีดิจิตอลในประเทศไทย ที่มีการลดค่าธรรมเนียม และการเตรียมแก้ไขและออกบทเฉพาะกาล
หลังจากที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ หรือ กสท.ได้สิ้นสุดการให้บริการโทรทัศน์เป็นการทั่วไป หรือ ฟรีทีวี สำหรับทีวีอนาล็อกเดิม 6 ช่อง ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา โดยมีเพียงช่อง 3 ที่ไม่ได้ออกอากาศคู่ขนานในระบบทีวีดิจิตอล วิวาทะและการต่อสู่ระหว่างกสท.และช่อง 3 ตลอดทั้งเดือนกันยายน โดยกสท. 3 คน มีมติและความเห็นให้ช่อง 3 ออกอากาศคู่ขนานกับระบบทีวีดิจิตอล รวมทั้งมีการลดค่าธรรมเนียม ค่าเงินส่งเข้ากองทุนกทปส. และการจ่ายเงินงวดที่ 2 ของทีวีดิจิตอล
ขณะที่ผู้บริหารของช่อง 3 ชี้แจงถึงแผนธุรกิจที่ต้องการมี 4 ช่อง ความไม่พร้อมของทีวีดิจิตอลทั้งโครงข่าย นิติบุคคลที่แตกต่างกันในเครือบีอีซีเวิลด์ รวมทั้งสัมปทานระบบอนาล็อกของช่อง 3 ถึงปี 2563 ซึ่งช่อง 3 เผชิญความกดดันรอบด้าน ทั้งโฆษณาที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ความไม่แน่นอนทางธุรกิจ รวมทั้งการวิจารณ์จากสื่อมวลชนและสังคมภายนอก ว่าช่อง 3 เป็นอุปสรรคต่อทีวีดิจิตอล
จนนำมาสู่การยื่นฟ้องที่ศาลปกครองกลางของช่อง 3 เพื่อ ทุเลามติของ กสท. กรณีห้าม ไม่ให้เคเบิลและดาวเทียมนำช่อง 3 อนาล็อกไปออกอากาศ โดยให้ยืดจนถึงวันที่ 11 ตุลาคมนี้ เพื่อให้ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงการออกอากาศคู่ขนานให้ได้
อย่างไรก็ตาม แนวทางหนึ่งที่ประธาน กสท.จะนำมาใช้ คือ การแก้มาตรา 9 ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 มาตรา 9 ที่ระบุว่า ผู้ได้รับใบอนุญาต จะต้องประกอบกิจการด้วยตนเอง การแบ่งเวลาให้ผู้อื่นดำเนินรายการให้กระทำได้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะ กรรมการตามพ.ร.บ.นี้กำหนด โดยการออกบทเฉพาะกาล เพื่อเปิดทางให้ช่อง 3 อนาล็อก มาออกอากาศผ่านช่อง 3 HD หรือ ช่อง 33 ในระบบทีวีดาวเทียม
แต่เริ่มมีเสียงคัดค้านจาก นางสาวสุภิญญา กรรมการ กสท.ที่เห็นว่า ความสำคัญของมาตรา 9 คือ เน้นให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการด้วยตนเองหมายถึงไม่ให้เวลาไปเช่าช่วง โดยประเด็นนิติบุคคลไม่สำคัญเท่ากับว่าผู้มีอำนาจตัดสินใจและควบคุมการบริหารที่เป็นชุดเดียวกัน และเกรงว่าจะมีผลกระทบในภาพรวม หากเปิดให้มีการเช่าช่วงเวลาได้ทั้งหมด ซึ่งจะมีการพิจารณาในการประชุมคณะกรรมการ กสท. วันที่ 29 กันยายนนี้
แม้การดำเนินการให้ช่อง 3 ออกอากาศคู่ขนาน จะเป็นการใช้มติของคณะกรรมการ กสท. แต่ถูกตั้งคำถามจากนักวิชาการด้านกฎหมาย และด้านนิเทศศาสตร์ ว่า กสท.กำลังทำสิ่งที่ถูกต้อง หรือ สิ่งที่ถูกใจ
เช่น อาจารย์จันทจิรา เอี่ยมมยุรา จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่เห็นว่า ช่อง 3 อนาล็อก ยังมีสิทธิ์ออกอากาศตามกฎหมายต่างๆที่เกี่ยวข้อง และการยุติการออกอากาศในระบบเคเบิลและดาวเทียม ก็อาจขัดต่อกฎหมายได้
ด้านผู้อำนวยการวิจัยด้านการบริหารจัดการระบบเศรษฐกิจ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ ระบุว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น สะท้อนการบังคับใช้กฎหมายของ กสท. รวมทั้งทั้ง 2 ฝ่าย น่าจะทราบถึงข้อกฎหมายอยู่แล้ว และประเทศที่พัฒนาแล้ว จะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เพราะส่งผลกระทบในภาพรวม และหากให้มีเหตุการณ์ช่อง 3 จอดำเกิดขึ้น เหมือนเป็นการจับประชาชนเป็นตัวประกันมากกว่า
ด้านอาจารย์คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า กรณีนี้ เป็นบทเรียนที่กสท.ควรประเมินผลกระทบก่อนการออกมติ หรือ ประกาศมาบังคับใช้ และ ถือเป็นความผิดพลาดของการใช้มาตรการกำกับดูแล รวมทั้ง กสท..มีแนวโน้มที่จะออกกฎแก้ปัญหาโดยใช้ประกาศ ซึ่งจะสร้างผลกระทบอย่างมหาศาลในอนาคตอีก
แม้ท้ายที่สุด ช่อง 3 จะมีการออกอากาศคู่ขนาน เพื่อเดินหน้าธุรกิจ เพราะแม้ กสท. ต้องการผลักดันให้ทีวีดิจิตอลเกิดขึ้นในไทยโดยเร็วคือความถูกใจ แต่ความถูกต้องด้านกฎหมาย เป็นสิ่งคัญ และการกำกับดูแลของกสท. อาจจะยังมีปัญหาสำหรับอุตสาหกรรมวิทยุและโทรทัศน์ในอนาคตอีกก็เป็นได้