เพราะการต่อยอดคาร์แรคเตอร์ของ "คิตตี้" ตัวการ์ตูนน่ารัก นำไปพัฒนาเป็นสินค้าหลายอย่างได้แบบไม่รู้จบ ทำให้บริษัท ซานริโอ้ เจ้าของลิขสิทธิ์คิตตี้ มีรายได้ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาถึง 6,000ล้านบาท ลิขสิทธิ์ที่ซานริโอ้นำไปต่อยอดมีอะไรบ้าง และผู้ที่เนรมิตรให้คิตตี้ มีชีวิตชีวาได้อย่างไม่รู้จบคือใคร ติดตามจากรายงาน
"ชินทาโร ซึจิ" (Shintaro Tsuji) ผู้ก่อตั้งบริษัทซานริโอ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันเขาดำรงตำแหน่งประธานและซีอีโอของซานริโอ ส่วนลูกชายของเขาที่ชื่อ "คูนิฮิโกะ" วัย 61 ปี เป็นประธานฝ่ายปฏิบัติการ และรองประธานอาวุโสของซานริโอ
"ชินทาโร ซึจิ" เริ่มเข้าสู่เส้นทางธุรกิจเมื่ออายุ 33 ปี จนกระทั่งปี 2503 ซึจิได้จัดตั้ง "ยามานาชิ ซิลค์ เซ็นเตอร์ " (Yamanashi Silk Center) ด้วยเงินทุน 1 ล้านเยน เพื่อขายสินค้าเกี่ยวกับผ้าไหมและรองเท้าแตะเดินชายหาด หลังจากนั้นในปี 2505 เขานำเสนอแคแร็กเตอร์การ์ตูนตัวแรกที่ชื่อว่า "Strawberry"
จากนั้นในปี 2517 เขาออกแบบแคแร็กเตอร์แมวขาวโบสีแดง หรือเฮลโล คิตตี้ ในปี 2517 และนำไปพัฒนาเป็นลายของกระเป๋าใส่เงินรูป "เฮลโล คิตตี้" ในปี 2518
แต่หลังจากเปิดตัวสินค้า เฮลโล คิตตี้ ทำให้บริษัทเสียฐานลูกค้าที่เป็นกลุ่มผู้ใหญ่ แต่ก็ฟื้นกลับมาอีกครั้งในช่วงปี 2533-2542 และกลายเป็น "ทอล์กออฟเดอะทาวน์" เมื่อแมคโดนัลด์ สิงคโปร์ เปิดตัวของเล่นลายเฮลโล คิตตี้ คู่กับเพื่อนที่ชื่อ "เดียร์ แดนเนียล" ในชุดแต่งงาน สร้างกระแสให้บรรดานักสะสมแย่งชิงกันเพื่อหวังเป็นเจ้าของ
การเติบโตในธุรกิจของซานริโอ้ในระดับโลกเริ่มต้นขึ้น เมื่อ "ชินทาโร ซึจิ" ขายลิขสิทธิ "เฮลโล คิตตี้" และแคแร็กเตอร์อื่น ให้บริษัทต่างๆ ผลิตสินค้าในรูปแบบที่แตกต่างกัน แทนที่จะผลิตเองเพื่อจำหน่ายด้วยตัวเอง ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าว ช่วยให้ซานริโอมีกำไรเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าถึง 27% ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา
การขายลิขสิทธิ์แคแร็กเตอร์ตัวการ์ตูนให้กับค่ายต่าง ๆ ไปผลิตสินค้า ถือเป็นกุญแจแห่งความสำเร็จ ที่ทำให้ซานริโอเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีลูกค้าสำคัญ อย่าง "วอล-มาร์ต" แบรนด์ค้าปลีกอันดับ 1 ของโลก ซื้อลิขสิทธิ์เฮลโล คิตตี้ ไปผลิตเสื้อผ้าและเครื่องประดับ
อีกราย คือ "อินดิเท็กซ์" แบรนด์แฟชั่นรายใหญ่จากสเปน เจ้าของแบรนด์ซาร่า ก็ซื้อลิขสิทธิ์เฮลโล คิตตี้ เพื่อนำไปต่อยอดเสื้อผ้าด้วย
รวมถึง ผู้ผลิตคริสตัลจากออสเตรีย อย่าง "สวารอฟสกี้" ที่มีส่วนสำคัญทำให้ซานริโอมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 21,100 ล้านเยนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการเติบโตทั้งในสหรัฐ อเมริกากลาง และละตินอเมริกา โดยเฉพาะเม็กซิโกและภูมิภาคเอเชียที่ยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
แม้จะประสบความสำเร็จในระดับโลก และถือว่าเดินมาถูกทางแล้ว แต่ซานริโอก็ยังไม่หยุดแค่การนำเสนอแคแรคเตอร์เดิมๆ อย่าง คิตตี้ เท่านั้น เพราะในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซานริโอ้ได้ซื้อลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูนที่ชื่อ "Mr.Right" จากบริษัท "โคริออน" (Chorion) ซึ่งถือเป็นแคแร็กเตอร์ตัวแรกที่ซานริโอไม่ได้พัฒนาขึ้นเอง เพื่อกระจายความเสี่ยง และสร้างความหลากหลายให้กับธุรกิจมากขึ้น
"ชินทาโร ซึจิ" ในวัย 85 ปี ยังคงถือหุ้นของบริษัทซานริโอไว้ถึง 1 ล้าน 8 แสนหุ้น และ "คูนิฮิโกะ" ภรรยาของเขา ยังถือหุ้นมากกว่า 18 ล้าน 1 แสนหุ้น และยังมีกองทุนอื่นๆด้วย
ทุกวันนี้ "ชินทาโร ซึจิ" ใช้นามปากกาของตัวเองว่า "Strawberry King" กำกับลงไปทุกครั้งเวลาเขียนหนังสือสำคัญของบริษัท บ่งบอกให้รู้ว่า ก่อนที่คิตตี้ แคแรคเตร์ตัวที่ 2 จะโด่งดังมากมายขนาดนี้ แต่เขาก็ไม่ลืมแคแรคเตอร์ตัวแรกที่ชื่อ "Strawberry" ที่สร้างให้เขากลายเป็นผู้ทรงอิทธิพล ผู้กุมหัวใจและเงินในกระเป๋าของคนทุกวัยได้
ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา นิตยสาร ฟอร์บ จัดอันดับให้ "ชินทาโร ซึจิ" เป็นมหาเศรษฐี อันดับที่ 45 ที่รวยที่สุดในญี่ปุ่น ด้วยรายได้ 610 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 19,520 ล้านบาท
Source : http://goo.gl/I6w2EF
Source : http://goo.gl/3W8YSj