โรงงานยาสูบ ร่วมกับสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ GISTDA (จิสด้า) นำเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ เข้ามาใช้สำรวจและติดตามพื้นที่เพาะปลูกยาสูบ เพื่อให้สามารถตรวจสอบควบคุมปริมาณและคุณภาพการปลูกยาสูบของเกษตรกรที่ได้รับอนุญาต พร้อมแก้ปัญหาใบยาสูบนอกระบบ

 

 

ภาพถ่ายทางดาวเทียมแสดงพื้นที่เพาะปลูกยาสูบ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ "ศึกษาและสำรวจพื้นที่เพาะปลูกยาสูบด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ" ซึ่งโรงงานยาสูบ ร่วมมือกับ GISTDA (จิสด้า) นำมาใช้ เพื่อสำรวจพื้นที่เพาะปลูก ให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ

 

รักษาการผู้อำนวยการยาสูบ เปิดเผยว่า โรงงานยาสูบกำหนดโควต้ารับซื้อใบยาในประเทศจากเกษตรกรที่ได้รับอนุญาตปีละ 33 ล้านกิโลกรัม แต่การสำรวจทางภาคพื้นดินทำได้ยาก เพราะพื้นที่เพาะปลูกส่วนใหญ่อยู่บนภูเขาสูง 

 

ที่ผ่านมาจึงพบปัญหาเกษตรกร ลักลอบเพาะปลูกเกินปริมาณที่กำหนด  อย่างกรณีของปี 2556  พบว่า เกษตรกรหลายราย หันมาปลูกใบยาสูบเพราะการปลูกข้าวมีปัญหา แต่ไม่ได้แจ้งต่อกรมสรรพสามิต ทำให้เกิดการนำใบยาสูบส่วนเกินจากที่ขึ้นทะเบียนไว้ ไปขายให้กับผู้รับซื้อในท้องถิ่น ซึ่งจะทำการกักตุน เพื่อมาขายให้โรงงานยาสูบอีกทอดหนึ่ง

 

ระบบดาวเทียมและเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศที่จะนำมาใช้ จึงสามารถตรวจสอบได้ว่า ใบยาสูบที่รับซื้อนั้นมาจากพื้นที่ไหน ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง และตรงตามจำนวนที่กำหนดหรือไม่ พร้อมระบุชื่อเกษตรผู้ได้รับอนุญาตอย่างชัดเจน

 

 

 

นอกจากการตรวจสอบเชิงปริมาณ และประเมินจำนวนใบยาสูบ เพื่อเตรียมบริหารงบประมาณแล้ว  ผู้อำนวยการ GISTDA เปิดเผยว่า เทคโนโลยีนี้ยังช่วยในด้านการตรวจสอบคุณภาพ เนื่องจากมีผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า ความเข้มของสีใบมีความสัมพันธ์กับคุณภาพของใบยาสูบ ดังนั้นการเปรียบเทียบสีของใบจากแปลงปลูกที่มีอายุเท่ากันด้วยภาพถ่ายดาวเทียม จึงทำให้สามารถกำหนดราคารับซื้อได้อย่างเหมาะสมอีกด้วย