ประมาณ 80 ปีก่อน โลกของเรามีประชากรช้างป่าแอฟริกันอยู่เกือบ 10 ล้านตัว แต่ปัจจุบันเหลือช้างทั้งทวีปแอฟริกาอยู่เพียง 4 ถึง 5 แสนตัวเท่านั้น ซึ่งจำนวนดังกล่าวกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว อันเนื่องมาจากปัญหาการล่าช้างเอางา จนเจ้าหน้าที่ UN เตือนว่า ช้างป่าแอฟริกันกำลังจะหมดไปในอีก 10 ปีข้างหน้า ติดตามได้จากช่วง Our World

 

 

อุทยานแห่งชาติซาโว (Tsavo National Park) ตั้งอยู่บริเวณภาคใต้ของเคนยา มีพื้นที่กว้างขวางกว่า 21,000 ตารางกิโลเมตรหรือราวร้อยละ 4 ของพื้นที่ทั้งประเทศ มันเป็นบ้านหลังใหญ่สำหรับช้างกว่า 11,000 ตัวในเคนยา แต่ระดับความต้องการงาช้างจากประเทศในเอเชียที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆในปัจจุบัน กำลังทำให้เดิมพันในชะตากรรมของช้างเหล่านี้สูงตามไปด้วยเช่นกัน

 

ปี 2556 มีการยึดงาช้างได้มากถึง 13.5 ตันในเคนยา ซึ่งจำนวนดังกล่าวเป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆ ในขบวนการล่าช้างแอฟริกาที่เป็นปัญหาเรื้อรังมาอย่างยาวนาน  ทิม คริสโตเฟอร์เซ็น เจ้าหน้าที่โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติหรือ UNEP บอกว่า จำนวนช้างที่ถูกล่าในแอฟริกาแต่ละปีนั้นสูงมากจนอาจทำให้ช้างในแอฟริกาเหล่านี้มีโอกาสสูญพันธุ์ภายใน 10 ปีข้างหน้า

 

 

สาเหตุหนึ่งที่การฆ่าช้างเอางาเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางในแอฟริกา เนื่องมาจากอัตราการจ้างงานอยู่ในระดับที่ต่ำมาก นักอนุรักษ์จึงพยายามพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส โดยการจ้างคนในพื้นที่ให้ดูแลสอดส่องผืนป่าและสัตว์ป่าแทนที่จะทำลายพวกมันเช่นเมื่อก่อน โครงการดังกล่าวเริ่มมาตั้งแต่ปี 2540 ผลิตผู้พิทักษ์สัตว์ป่าไปแล้ว 120 คน แต่ "อีริค ซาเว" หัวหน้าทีมผู้พิทักษ์สัตว์ป่าขององค์กร "ไวลด์ไลฟ์ เวิร์กส" (Wildlife Works) เปิดเผยว่า ภารกิจดูแลชีวิตช้างนั้นเสี่ยงอันตรายจนอาจเกินความสามารถของพวกเขาไปแล้ว

 

7 เดือนแรกของปีนี้ผ่านไป ช้างป่าถูกล่าไปแล้ว 59 ตัวเฉพาะในอุทยานแห่งชาติซาโวแห่งนี้ โดย UNEP เปิดเผยว่า การล่าช้างในปัจจุบันถูกทำในรูปแบบของขบวนการผิดกฎหมาย และมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มกบฏติดอาวุธหลายกลุ่มในแอฟริกา โดยอาวุธหลักที่มักใช้ฆ่าช้างคือลูกศรอาบยาพิษ

 

ที่ผ่านมา ประเทศต่างๆไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาดังกล่าว ชาติแอฟริกา 38 ชาติได้ให้การรับรองแผนการอนุรักษ์ช้างป่าแอฟริกัน ของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์หรือ "ไซเตส" แผนการดังกล่าวต้องใช้งบประมาณราว 100 ล้านดอลลาร์นับตั้งแต่เริ่มดำเนินงานในปี 2554 

 

แต่จนถึงตอนนี้ พวกเขาได้รับเงินจริงราว 6 แสนดอลลาร์เท่านั้น ผู้เชี่ยวชาญและนักอนุรักษ์ช้างในแอฟริกาจึงพยายามเรียกร้องไปยังทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องว่า การรักษาชีวิตช้างเหล่านี้ให้อยู่คู่โลกของเราต่อไปได้ จำเป็นต้องอาศัยความจริงจังของทุกฝ่าย โดยเฉพาะการสนับสนุนด้านงบประมาณอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชน เพื่อให้คนกับป่าสามารถอาศัยอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน ส่วนสถานการณ์ตอนนี้ เรียกได้ว่าอยู่ห่างจากคำว่ายั่งยืนมากนัก