เรื่องการฟื้นฟูกิจการของสหฟาร์ม ล่าสุด ศาลล้มละลายกลาง มีคำสั่งให้ดำเนินการตามแผนให้แล้วเสร็จใน 3 เดือน ขณะที่กรุงไทย เตรียมปล่อยกู้อีก 2,000 ล้านบาท เดินหน้าธุรกิจ    

โรงงานสหฟาร์ม สินค้าสหฟาร์ม ศาลล้มละลายกลาง มีคำตัดสินเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2557 อนุญาตให้บริษัท สหฟาร์ม จำกัด และบริษัท โกลเด้นไลน์ บิสซิเนส จำกัด ซึ่งมียอดหนี้รวมกันกว่า 2 หมื่นล้านบาท เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ และให้บริษัท เอินส์ท แอนด์ ยัง คอร์ปอเรท แอดไวซอรี่ เซอร์วิสเซส จำกัด หรือ EY เป็นผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน หลังคำสั่งศาล ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา

ตามขั้นตอนกฎหมาย หลังศาลตัดสินให้เข้าสู่แผนฟื้นฟู เจ้าหนี้จำนวน 12,596 รายของลูกหนี้ทั้ง 2 บริษัท จะต้องยื่นขอรับชำระหนี้ภายใน 30 วัน จากนั้นเจ้าหนี้ทั้งหมดจะเข้าที่ประชุม ให้ความเห็นชอบต่อแผนฟื้นฟูกิจการที่ EY เป็นผู้ร่าง ก่อนส่งให้ศาลล้มละลายกลางพิจารณาอีกครั้ง หากเจ้าหนี้ไม่เห็นชอบแผน ศาลอาจตัดสินให้ยกเลิกการฟื้นฟูกิจการได้     

ขณะที่ ธนาคารกรุงไทย เตรียมจัดสรร วงเงินสินเชื่อในการฟื้นฟูกิจการให้กลุ่มสหฟาร์มอีก 2,000 ล้านบาท จากก่อนหน้านี้ปล่อยกู้เพิ่มไปแล้ว 700 ล้านบาท เพื่อจ่ายเงินเดือนให้พนักงาน

นายประทีป วิมลอนุพงษ์ ผู้ประกอบการ หจก. ส.พ.คอนสตรัคชั่น หนึ่งในเจ้าหนี้สหฟาร์ม บอกว่า เจ้าหนี้การค้าหลายราย จะยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาล เพราะเชื่อว่าแผนการชำระหนี้ อาจจะชดใช้คืนแก่ธนาคารกรุงไทย ซึ่งเป็นแหล่งเงินทุนหลักก่อน จึงไม่มั่นใจว่า เกษตรกรรายย่อย และเจ้าหนี้การค้า จะได้รับเงินเมื่อใด และอาจไม่ได้เงินชำระหนี้เต็มจำนวน     

ส่วนตัวแทนเครือข่ายผู้ประกอบการฟาร์มไก่เนื้อในระบบพันธสัญญา จะติดตามเรื่องเพื่อให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ช่วยเหลือตามที่ได้ยื่นหนังสือไว้เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และจะเจรจากับอธิบดีกรมบังคับคดีให้ช่วยดูแลความเป็นธรรมแก่เกษตรกรที่อยู่ในแผนฟื้นฟูด้วย

รวมทั้งจะเข้าพบผู้บริหารธนาคารกรุงไทย เพื่อเจรจาให้ช่วยรับซื้อหนี้ของเกษตรกรในเครือข่ายกว่า 400 ราย หากไม่สามารถซื้อหนี้ได้ ขอให้ธนาคาร ช่วยลดยอดหนี้ที่ค้างชำระ(Hair Cut) ของเกษตรกร เพราะสิทธิออกเสียงโหวตในที่ประชุมเจ้าหนี้นั้น ขึ้นอยู่กับจำนวนยอดหนี้ และกรุงไทย ก็เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่