สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ชูเส้นใยธรรมชาติจากภาคเกษตร มาผลิตเป็นสิ่งทอรักษ์โลก ตอบสนองความต้องการผู้บริโภค ที่มีหัวใจรักสิ่งแวดล้อม รวมทั้งยังช่วยลดการนำเข้าเส้นใยฝ้ายจากต่างประเทศอีกทาง

 

ผ้าจากเส้นใยสัปปะรด  กัญชง และเศษไหม คือสิ่งทอจากเส้นใยธรรมชาติ ที่สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ กำลังเร่งผลักดันให้ผู้ประกอบการนำไปต่อยอดทางธุรกิจ เพื่อทดแทนการนำเข้าเส้นใยฝ้ายและเส้นใยสังเคราะห์จากต่างประเทศ โดยในแต่ละปีมีมูลค่ากว่า 3 หมื่น 5 พันล้านบาท

 

ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ กล่าวว่า แนวโน้มของโลกขณะนี้ให้ความสนใจสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเส้นใยจากธรรมชาติเหล่านี้ได้มาจากวัสดุเหลือทิ้งในภาคเกษตรกรรม ถือเป็นแนวทางเพิ่มมูลค่าให้สินค้าเกษตร และลดการพึ่งพาฝ้าย ซึ่งปัจจุบันนำเข้าสูงถึงร้อยละ 95 ของปริมาณการใช้ฝ้ายทั้งหมดในประเทศ

 

โดยเส้นใยธรรมชาติแต่ละชนิดมีคุณสมบัติต่างกัน อย่างสัปปะรด เส้นใยจะมีความเหนียว มัมวาว ละเอียด และทนต่อการขัดสีในการสวมใส่  เส้นใยกัญชง มีความแข็งแรง และป้องกันแสงยูวีได้ดี  เศษไหมที่เหลือจากการตัดแต่ง สามารถนำมารีไซเคิลกลายเป็นผ้าไหมผืนใหม่ที่มีคุณสมบัติคงเดิม 

 

สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ยังนำเทคโนโลยีเชิงสร้างสรรค์มาสร้างมูลค่าเพิ่มให้สิ่งทอ เช่น ผ้าสะท้อนน้ำ ที่มีคุณสมบัติไม่เปียกชื้น คล้ายน้ำกลิ้งบนใบบัว ผ้ากลิ่นหอม ที่เมื่อขยี่เนื้อผ้าแล้วดม จะได้กลิ่นหอมตลอดเวลา โดยใช้เทคโนโลยีอัดแคปซูลน้ำหอมเข้าไปที่เส้นใยผ้า ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมมาก รวมทั้งสิ่งทอนาโนเทคโนโลยี ที่ให้คุณสมบัติต่างๆ ตามลักษณะการใช้งาน

 

แม้เส้นใยจากธรรมชาติเหล่านี้จะมีสามารถนำมาใช้ได้จริงแล้ว แต่กลับพบว่ายังไม่ได้รับความนิยมแพร่หลาย ทางสถาบันฯ จึงจัดประกวดออกแบบสิ่งทอเชิงสร้างสรรค์ เพื่อให้ดีไซน์รุ่นใหม่นำสิ่งทอจากเส้นใยธรรมชาติ มาตัดเย็บเป็นเครื่องแต่งกายและของใช้ในชีวิตประจำวัน โดยจะประกาศผลการตัดสินปลายเดือนกันยายนนี้