ช่วงเวลานี้เป็นช่วงสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมที่ขึ้นชื่ออย่างหนึ่งของประเทศบัลแกเรีย นั่นก็คืออุตสาหกรรมน้ำมันดอกกุหลาบ 

 

เนื่องจากเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายนเป็นช่วงเก็บเกี่ยวดอกกุหลาบ และดอกกุหลาบดามัสเซนา ซึ่งเป็นกุหลาบพันธุ์ที่มีน้ำมันคุณภาพดีที่สุด ก็กำลังผลิดอก รอให้เกษตรกรเลือกไปใช้ โดยในปีนี้ช่วงเก็บเกี่ยวนั้นอยู่ระหว่างวันที่ 10 พฤษภาคมถึง 15 มิถุนายน

 

ชาวบัลแกเรียขนานนามน้ำมันดอกกุหลาบว่าเป็น "ทองคำเหลว" ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่าดอกกุหลาบและน้ำมันที่สกัดออกมาได้นั้นมาค่าต่อธุรกิจและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศเป็นอย่างมาก ทั้งยังมีความหมายตรงตัวว่าน้ำมันที่ได้นั้นมีสี กลิ่น และความเข้มข้นที่พอเหมาะพอดี เป็นสินค้าส่งออกที่มีคุณภาพอีกด้วย

 

การเติบโตขึ้นของอุตสาหกรรมน้ำมันกุหลาบในประเทศบัลแกเรียสามารถสร้างอาชีพในฤดูกาลเก็บเกี่ยวประจำปีได้โดยเฉลี่ยถึงกว่า 40,000 คน เลยทีเดียว โดยหนึ่งในผู้ที่เข้าร่วมเก็บเกี่ยวในปีนี้เปิดเผยว่า รายได้เสริมจากการเก็บกุหลาบในแต่ละปีนั้นมากจนน่าพอใจ และยังมองว่าเป็นอุตสาหกรรมที่มีอนาคตไกลอีกด้วย

 

สภาพภูมิอากาศและดินที่เหมาะสมต่อการเพาะปลูกเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ "หุบเขากุหลาบ" แห่งนี้สามารถผลิตน้ำมันกุหลาบได้ในปริมาณมากและมีคุณภาพที่ยอดเยี่ยมโดดเด่น แตกต่างจากภูมิภาคอื่นๆ โดยมีอุณหภูมิในตอนเช้าอยู่ที่ 5 ถึง 10 องศาเซลเซียส และสูงที่สุดในช่วงเที่ยงอยู่ที่ 25 ถึง 30 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่กระตุ้นให้ดอกกุหลาบผลิตน้ำมันออกมาได้มากกว่าปกติ นอกจากนี้ ความชื้นของอากาศและความครึ้มของเมฆในช่วงเดือนเก็บเกี่ยวก็น่าจะเป็นปัจจัยที่ช่วยเรื่องการผลิตน้ำมันด้วยเช่นกัน

 

ในขั้นตอนการสกัดน้ำมันนั้น จำเป็นต้องใช้กลีบกุหลาบถึง 4,000 กิโลกรัม จึงจะได้น้ำมันบริสุทธ์ 100 เปอร์เซ็นต์น้ำหนัก 1 กิโลกรัม และน้ำมันประเภทนี้เป็นที่ต้องการในการผสมน้ำหอม จนราคาสามารถขึ้นสูงได้ถึง 7,000 ยูโร หรือราว 310,000 บาท ต่อกิโลกรัมเลยทีเดียว

 

บัลแกเรียเป็นหนึ่งในประเทศผู้นำด้านการส่งออกน้ำมันกุหลาบ โดยสามารถผลิตได้ถึงร้อยละ 70 ของผลผลิตทั้งโลก และความต้องการจากตลาดก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ ลูกค้าหลักที่ซื้อน้ำมันกุหลาบจากบัลแกเรีย ได้แก่ ประเทศฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ สเปน สหรัฐฯ และญี่ปุ่น ซึ่งนอกจากคู่ค้าหลักแล้ว ยังมีตลาดใหม่ๆ ในประเทศจีน เกาหลีใต้ และไทยอีกด้วย