การเป็นทหารเป็นหน้าที่ของชายตุรกีทุกคน คนที่ไม่ต้องเป็นทหารจะต้องมีลักษณะป่วย พิการ หรือไม่ก็เป็นคนรักร่วมเพศ ซึ่งต้องได้รับพิสูจน์โดยกองทัพเท่านั้น
การเป็นทหารเป็นหน้าที่ของชายตุรกีทุกคน คนที่ไม่ต้องเป็นทหารจะต้องมีลักษณะป่วย พิการ หรือไม่ก็เป็นคนรักร่วมเพศ ซึ่งต้องได้รับพิสูจน์โดยกองทัพเท่านั้น สำหรับกลุ่มรักร่วมเพศ การพิสูจน์ตัวตนของพวกเขาเต็มไปด้วยความทารุณและสร้างความอับอายให้กับคนที่ถูกพิสูจน์อย่างแสนสาหัส
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เกย์ในเมืองใหญ่ๆของตุรกีเริ่มแสดงตัวมากขึ้น มีร้านอาหารสำหรับเกย์ในกรุงอิสตันบูล และเมื่อปีที่แล้ว ก็เพิ่งมีพาเหรดเกย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกมุสลิม ทั้งหมดทำให้ดูเหมือนว่า เกย์มีพื้นที่ในสังคมตุรกีมาก แต่จริงๆแล้วคนที่เป็นเกย์อย่างเปิดเผยก็ยังไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมมากนัก และแม้ตุรกีจะไม่มีกฏหมายต่อต้านกลุ่มรักร่วมเพศ แต่สังคมก็ยังมองเกย์ในแง่ลบ จนทำให้เกย์หลายคนยังต้องปกปิดตัวเอง
ขณะที่ในกองทัพตุรกี ทหารที่แสดงออกว่าเป็นเกย์จะไม่ได้รับการยอมรับ และต้องเจอปัญหาทางวินัย รวมไปถึง การถูกแยกที่พัก ห้องน้ำ การฝึกซ้อมและเครื่องใช้จากคนอื่น ดังนั้น การปกปิดเรื่องเกย์ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
เมื่อถึงเวลาเกณฑ์ทหาร หากมีคนบอกว่าตัวเองเป็นเกย์ กองทัพก็จะตรวจสอบว่า คนนั้นเป็นเกย์จริงหรือไม่ เพื่อไม่ให้ใช้ข้ออ้างดังกล่าวเพื่อหนีทหาร ทำให้แพทย์ได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากผู้บังคับบัญชา ในการตรวจคนที่อ้างตัวว่าเป็นคนรักร่วมเพศ ซึ่งจะถือว่า เป็นอาการป่วย ตามเอกสารของสมาคมจิตเวชศาสตร์อเมริกาปี 2511 ที่โรงพยาบาลกองทัพตุรกียึดถือ โดยคนที่ผ่านการตรวจสอบจากกองทัพแล้วว่า เป็นเกย์จริงจะได้รับใบประกาศชมพู เพื่อรับรองตนเอง
ชาวตุรกีบางคนแสดงความไม่พอใจว่า คนที่เป็นเกย์นั้นโชคดี เพราะไม่ต้องเป็นทหารที่ต้องมาอยู่ในค่ายทหาร และอาจถูกส่งไปรบกับกองกำลังชาวเคิร์ดได้ทุกเมื่อ ขณะที่ความเป็นจริงชีวิตเกย์ในตุรกีต้องเจอความยากลำบากอย่างเรื่องการสมัครงาน ซึ่งหากมีใบประกาศชมพูก็อาจทำให้ถูกปฏิเสธงานทันที
กรณีนายอาเม็ต(นามสมมติ) ชาวตุรกีวัย 20 ปีสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของกองทัพได้เป็นอย่างดี โดยนายอาเม็ตแจ้งกับกองทัพว่า เขาเป็นเกย์ และใช้เสื้อผ้า สิ่งของผู้หญิง แต่กองทัพเห็นว่ายังเป็นหลักฐานที่ไม่หนักแน่นพอให้เชื่อได้ ในท้ายที่สุดเขาจึงต้องส่งรูปจูบกับชายอีกคนเพื่อยืนยันรสนิยมทางเพศของเขา นอกจากนี้กองทัพยังตั้งคำถามกับเขาว่า "คุณมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก หรือทางปากครั้งแรกเมื่อไหร่? สมัยเด็กคุณเล่นของเล่นอะไร?"
อีกกรณีหนึ่งเกิดขึ้นในกองทัพ นายโกคาน(นามสมมติ) ทหารคนหนึ่งที่รู้ตัวภายหลังว่าตนเป็นเกย์ และไม่เหมาะกับการเป็นทหารเพราะกลัวปืน เขาตัดสินใจแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาของเขารู้ถึงรสนิยมทางเพศ พร้อมนำรูปถ่ายที่เขากำลังมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายอีกคน เพราะหากไม่มีรูปที่แสดงว่าเคยมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย ก็ไม่สามารถออกจากการเป็นทหารได้ ในท้ายที่สุด รูปถ่ายนี้ได้รับการยืนยันจากแพทย์ในกองทัพ ทำให้เขาออกจากการเป็นทหารพร้อมใบประกาศชมพูที่ยืนยันว่าเป็นคนรักร่วมเพศ แต่นั่นต้องแลกมาด้วยประสบการณ์ที่ขมขื่น และยังต้องกังวลว่า ภาพดังกล่าวจะถูกเผยแพร่ต่อคนรู้จัก และครอบครัวของเขาหรือไม่