ถึงแม้ว่าการกู้ศพของผู้โดยสารในเรือเซวอลจะยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก แต่การลำดับเหตุการณ์เพื่อหาสาเหตุของโศกนาฏกรรมเรือล่มครั้งนี้เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
ถึงแม้ว่าการกู้ศพของผู้โดยสารในเรือเซวอลจะยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก แต่การลำดับเหตุการณ์เพื่อหาสาเหตุของโศกนาฏกรรมเรือล่มครั้งนี้เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุด หลังจากรวบรวมข้อมูลทั้งจากลูกเรือและผู้โดยสาร ทางการเกาหลีใต้ค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าสาเหตุที่เรือล่มเกิดจากการหันหัวเรืออย่างกะทันหัน
เริ่มจากเวลา 09.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นเกาหลีใต้ เรือเอียง จนกัปตันตัดสินใจส่งสัญญาณฉุกเฉินเพื่อขอความช่วยเหลือ เมื่อเรือและเฮลิคอปเตอร์จากยามฝั่งไปถึงเรือตอน 09.30 น.เรือก็เอียงไปแล้ว 60 องศา เฮลิคอปเตอร์เริ่มอพยพคนออกจากเรือชุดแรกตอน 09.45 น. ไปจนถึงประมาณ 10.23 น.ซึ่งเรือค่อยๆ เอียงจนพลิกด้านท้องเรือขึ้น ไม่สามารถให้การช่วยเหลือได้อีกต่อไป
สำหรับสาเหตุที่เรือเอียง ลูกเรือให้การว่าเป็นเพราะเรือหันเหทิศทางออกนอกร่องน้ำปกติ ทำให้ต้องมีการหันหัวเรือกลับกะทันหันขณะเรือแล่นด้วยความเร็วสูง แรงเหวี่ยงจากการหันหัวเรือกะทันหัน ทำให้สินค้าหนัก ได้แก่ตู้คอนเทนเนอร์และรถยนต์ ซึ่งอยู่ในชั้นที่ 1 และ 2 ของเรือ เทมากองรวมกันที่กราบซ้ายของเรือจนเรือเอียง และจมลงในที่สุด ที่น่าสนใจก็คือ ขณะที่เรือออกนอกเส้นทาง มีรายงานว่ากัปตันไม่ได้อยู่ควบคุมเรือเอง แต่เป็นผู้ช่วย ซึ่งอาจหมายความว่าความประมาทของกัปตันเรือ และความด้อยประสิทธิภาพของผู้ช่วยกัปตัน เป็นสาเหตุของโศกนาฏกรรมครั้งนี้
อีกประเด็นที่มีการพูดถึงกันมาก ว่าทำให้มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้มากกว่าที่ควรจะเป็น ก็คือการต่อเติมเรือ เรือเซวอลเป็นเรือเฟอรีที่ปลดระวางมาจากญี่ปุ่น เดิมเป็นเรือบรรทุกรถและสินค้า มีเพียงชั้น 1 และ 2 เท่านั้น แต่เมื่อนำมาใช้ในเกาหลีใต้ กลับมีการต่อเติมเรือเพิ่มอีก 3 ชั้น เพื่อรองรับผู้โดยสารอีกเกือบ 1,000 คน ทำให้เมื่อเรือคว่ำ ผู้โดยสารจำนวนมากติดอยู่ในชั้นบนสุดของเรือ ไม่สามารถออกมาได้