ตำรวจใช้เวลาคลี่คลายคดีฆ่า 3 ศพ ครอบครัวหอมชง หลังเกิดเหตุ เพียง 2 วัน ในการจับกุมมือปืน ที่ลงมือก่อเหตุพร้อมปืนของกลาง คนร้ายสารภาพ ได้ค่าจ้างเป็นรถกระบะและพระเลี่ยมทอง
ตำรวจใช้เวลาคลี่คลายคดีฆ่า 3 ศพ ครอบครัวหอมชง หลังเกิดเหตุ เพียง 2 วัน ในการจับกุมมือปืน ที่ลงมือก่อเหตุพร้อมปืนของกลาง คนร้ายสารภาพ ได้ค่าจ้างเป็นรถกระบะและพระเลี่ยมทอง โดยมีเพื่อนชายของลูกชายคนเล็กเป็นคนติดต่อ และให้เหตุผลว่า ถูกโกง แต่เมื่อลงมือแล้ว ถึงได้รู้ว่า ผู้ตายเป็นพ่อแม่และพี่ชายของคนจ้างวาน จึงรู้สึกเสียใจและเข้ามอบตัว
คำรับสารภาพจากปากมือปืนที่ลั่นไก สังหาร สมาชิกใน ครอบครัวหอมชง 3 ศพ กลางดึกวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา โดยเขา สารภาพว่าที่รับงาน เพราะไม่รู้ว่าผู้ตายเป็นพ่อแม่และพี่ชายแท้ๆ ของบุตรชายคนเล็กของครอบครัว ผู้ว่าจ้าง เพราะตอนเจรจาบอกเพียงว่า ทั้ง 3 คนเบี้ยวเงินที่ยืมไป จึงรับงาน และที่ตัดสินใจมอบตัวที่สถานีตำรวจนครบาลสุทธิสาร เมื่อคืนนี้
จากนั้น ตำรวจคุมตัวนายสิริชัย ไปชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่บ้านเกิดเหตุย่านบางแค ซึ่งเขาให้การว่าวันเกิดเหตุได้มากับนายสุรพงษ์ หรือแอ๊ด ชูพันธ์ ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ จุดแรกคือจุดที่ยิงร้อยตำรวจโทธรรมณัฐ พี่ชายผู้ว่าจ้าง ต่อมาจุดที่ 2 คือจุดยิง นางวนิดา มารดา ที่ห้องพักชั้นล่าง และจุดที่ 3 คือจุดที่ยิง พันเอกวิชัย บนห้องนอนชั้น 2 ซึ่งทั้งสามศพ นายสิริชัย ให้การว่าใช้หมอนกดทับที่ศรีษะก่อนลงมือจ่อยิงและใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที และหลังก่อเหตุ ได้ออกมาขึ้นรถแท็กซี่ที่นายฉลาด หรือป๊อด เที่ยงธรรม มาจอดรอห่างจากบ้านประมาณ 30 เมตร เพื่อหลบหนี
ด้านรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่าคดีนี้ถือว่าเป็นคดีฆาตกรรมที่สามารถปิดคดีได้อย่างสมบูรณ์ เพราะพยานหลักฐาน โดยเฉพาะปืนที่ก่อเหตุ ภาพวงจรปิดที่บันทึกภาพคนร้ายเดินเข้า-ออก ในบริเวณบ้าน รอยเท้าและรองเท้าคนร้าย สอดคล้องตรงกันกับคำรับสารภาพ ว่าได้ก่อเหตุยิงทั้ง 3 ศพจริง
นับเป็นอีกหนึ่งคดีสะเทือนขวัญ ที่คนในครอบครัวเป็นผู้ลงมือ ซึ่งคดีก่อนหน้านี้ไม่ถึงเดือนเป็นเหตุการณ์ที่ลูกชายคนโตลงมือยิงพ่อแม่และน้องชาย ขณะที่ปมสังหารครอบครัวหอมชงครั้งนี้ มาจากเเรงจูงใจที่ นายกิตตินันท์ หอมชง บุตรชายคนเล็กของครอบครัว เชื่อว่า หาก พ่อ แม่ และพี่ชาย เสียชีวิตไป จะเป็นผู้รับมรดกที่ดินมูลค่ากว่า 1 ร้อยล้านบาท