ไม่พบผลการค้นหา
ทางการบรูไนชี้แจงว่ากฎหมายที่มีบทลงโทษรุนแรง รวมถึงการปาหินเกย์ และตัดอวัยวะในคดีลักทรัพย์ มีจุดประสงค์เพื่อการป้องกันไม่ให้คนทำผิด มากกว่ามีไว้เพื่อลงโทษ

เอรีวาน ยูซุฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของบรูไนส่งหนังสือชี้แจงต่อคำวิพากษ์วิจารณ์จากสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น ว่า สาระสำคัญในการบังคับใช้กฎหมายชารีอะห์อยู่ที่การป้องกันไม่ให้คนทำผิดมากกว่าการลงโทษ กฎหมายเหล่านี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ ขัดขวาง ปรับพฤติกรรม และอบรมบ่มนิสัย

นอกจากนี้ ยูซุฟยังระบุว่า กฎหมายชารีอะห์ไม่ได้ลงโทษใครด้วยเรื่องรสนิยมทางเพศหรือความเชื่อ รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนรักเพศเดียวกันด้วย การลงโทษการคบชู้และการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารเป็นการปกป้องความศักดิ์สิทธิ์ของการสืบเชื้อสายและการแต่งงานของชาวมุสลิม โดยเฉพาะผู้หญิง

ท่าทีดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่บรูไนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากนานาชาติ รวมถึงสหประชาชาติว่าเป็นกฎหมายที่โหดร้าย ขัดกับหลักสิทธิมนุษยชน และไร้มนุษยธรรม เช่นการลงโทษการคบชู้และการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายด้วยการปาหิน หรือลงโทษผู้ก่อคดีลักทรัพย์ด้วยการตัดมือและเท้า

คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHRC ได้ส่งหนังสือไปให้บรูไนเมื่อวันที่ 1 เม.ย. ก่อนวันที่บรูไนจะบังคับใช้กฎหมายชารีอะห์ 2 วันว่า การบังคับใช้กฎหมายใหม่นี้เป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานสิทธิมนุษยชนสากลที่ระบุไว้ในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนปี 1948 ซึ่งบรูไนได้ลงสัตยาบันไปเมื่อปี 2006

ก่อนหน้านี้ จอร์จ คลูนีย์ นักแสดงฮอลลีวูดชื่อดังเขียนบทความซึ่งเผยแพร่โดย Deadline เพื่อประณามการเพิ่มโทษอาญาของบรูไน พร้อมเรียกร้องให้คนบอยคอตโรงแรม 9 แห่งของสมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์ ประมุขของบรูไน โดยมีคนร่วมกันบอยคอตโรงแรมเหล่านี้กันทั่วโลก รวมถึง เอเลน ดีเจเนอเรส พิธีกรเลสเบี้ยนชื่อดังของสหรัฐฯ นอกจากนี้ ยังมีคนเข้าไปประณามการบังคับใช้กฎหมายชารีอะห์ในโซเชียลมีเดียของโรงแรมเหล่านี้ จนต้องปิดบัญชีไป

ขณะที่แอมเนสตี้ อินเทอร์เนชันแนล องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนสากลได้เรียกร้องให้บรูไนยุติการเพิ่มโทษใหม่ทั้งหมด โดยเรเชล โช-ฮาเวิร์ด นักวิจัยบรูไนกล่าวในแถลงการณ์ว่า การบังคับใช้บทลงโทษที่ทารุณและไร้มนุษยชนเป็นเรื่องน่ารังเกียจด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว แต่บางข้อหาไม่ควรเป็นอาชญากรรมด้วยซ้ำ เช่น การร่วมเพศกันโดยสมัครใจระหว่างคนเพศเดียวกัน

ฮิวแมนไรท์วอทช์ องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนสากลกล่าวว่า การเพิ่มโทษครั้งนี้เป็นการลงโทษที่ป่าเถื่อนโดยแก่นแท้ พร้อมเรียกร้องให้สุลต่านบรูไนระงับการตัดอวัยวะ ปาหิน และการลงโทษอื่นๆ ที่ละเมิดสิทธิทันที


ที่มา : BBC, ABC News


ข่าวที่เกี่ยวข้อง: