ไม่พบผลการค้นหา
ที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายเสียงส่วนใหญ่ 17 เสียง ลงมติแบน 2 สารเคมีอันตราย พาราควอตและคลอร์ไพริฟอส พร้อมให้กรมวิชาการเกษตรไปหาข้อมูลสารทดแทนในประเทศที่แบนสารเคมีดังกล่าวมาแล้ว

สำนักข่าวไทยรายงาน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ /2-1 /2563 ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย หลังใช้เวลาพิจารณาและมีการอภิปรายข้อมูลต่าง ๆ อย่างกว้างขวางนานกว่า 3 ชั่วโมง ในที่สุดคณะกรรมการฯ ลงมติยืนตามมติเดิม คือ กำหนดให้สารอันตรายพาราควอตและคลอร์ไพริฟอส เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.2563 หรือ "แบน" 2 สารดังกล่าว 

โดยที่ประชุมวันนี้มีกรรมการเข้าร่วมประชุม 24 คน จากทั้งหมด 28 คน จึงมีองค์ประชุมครบ ได้มีการพิจารณาเรื่องที่สำคัญหลายเรื่อง และในที่สุดคณะกรรมการฯ ได้มีการลงมติโดยเปิดเผย ซึ่งปรากฏว่า มีคณะกรรมการผู้เห็นด้วย 17 คน ไม่เห็นด้วย 6 คน งดออกเสียง จำนวน 1 คน  

นายสุริยะ กล่าวว่า ได้ขอให้กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปหาข้อมูลว่า ประเทศอื่นที่แบนสารอันตรายพาราควอตและคลอร์ไพริฟอสมีการใช้สารทดแทนอะไรบ้าง และให้กลับมานำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการฯ ในครั้งต่อไปที่จะมีขึ้นในช่วง 1-2 เดือนนับจากนี้ไป 

สำหรับประเด็นการรับรองรายงานการประชุมและการรับรองมติที่ประชุม เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2562 เกี่ยวกับการพิจารณายกเลิกการใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตรนั้น ที่ประชุมยืนยันว่ามติดังกล่าวเป็นมติที่มีการรับรองโดยที่ประชุมถูกต้องแล้ว แต่สำหรับการรับรองรายงานการประชุมนั้น วันนี้ที่ประชุมได้พิจารณารับรองรายงานอีกครั้งหนึ่ง และมีมติโดยเสียงส่วนใหญ่รับรองรายงานการประชุม โดยมีกรรมการบางคนแจ้งขอสงวนสิทธิไม่รับรองรายงาน  

นอกจากการพิจารณาเกี่ยวกับวัตถุอันตรายทางการเกษตร ยังได้มีการพิจารณาเรื่องอื่นๆ ดังนี้ มีการพิจารณาให้ความเห็นชอบร่างระเบียบ/ประกาศ จำนวน 4 ฉบับ ที่เสนอโดยหน่วยงานผู้รับผิดชอบ ซึ่งเป็นการดำเนินการให้สอดคล้องกับบทบัญญัติในพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 ได้แก่ การกำหนดด่านศุลกากรที่นำเข้า-ส่งออก-นำผ่านวัตถุอันตราย การผ่อนผันการปฏิบัติสำหรับการนำกลับเข้ามาหรือการส่งกลับออกไป หลังจากนี้หน่วยงานผู้รับผิดชอบจะนำไปเสนอรัฐมนตรี หรือ อธิบดีของแต่ละหน่วยงานลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลใช้บังคับต่อไป 

ด้านนางอุมาพร พิมลบุตร รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า สำหรับสต็อกของสารพาราควอตและคลอร์ไพริฟอส เดิมมีประมาณ 10,000 ตันในภาพรวมทั้งผู้นำเข้า ร้านค้าต่างๆ แต่เชื่อว่าขณะนี้มีการซื้อขายและเกษตรกรนำมาใช้บ้าง จะทราบสต็อกคงเหลือชัดเจนในการตรวจสต็อกวันที่ 1 มิ.ย. 2563 ผู้ที่มีจะต้องส่งให้กรมวิชาการเกษตรนำไปทำลายอย่างถูกวิธีต่อไป