ไม่พบผลการค้นหา
กรมการขนส่งทางบก ประกาศระงับการเดินรถโดยสารสาธารณะใน 4 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ภูเก็ต มีผลตั้งแต่ 30 มี.ค.เป็นต้นไป ป้องกันแพร่ระบาดโควิด-19

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในจังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส และภูเก็ต มีการพบของจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และได้ออกคำสั่งหรือประกาศให้ระงับการเดินทางเข้า-ออก ข้ามเขตพื้นที่จังหวัดแล้ว ดังนั้น กรมการขนส่งทางบกจึงออกคำสั่งระงับการเดินรถโดยสารสาธารณะเป็นการชั่วคราวในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในเขตพื้นที่จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส และภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค. 2563 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง เพื่อเป็นการยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคไปสู่ประชาชนวงกว้าง

สำหรับเส้นทางที่ต้องระงับ ประกอบด้วย เส้นทางเดินรถหมวด 2 (กรุงเทพ-ต่างจังหวัด) และหมวด 3 (ระหว่างจังหวัด) รวมถึงรถโดยสารไม่ประจำทาง (รถเช่าเหมา) ที่มีต้นทางหรือปลายทาง หรือผ่านข้ามเขตพื้นที่จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส และภูเก็ต ทั้งนี้ ผู้โดยสารที่สำรองการเดินทางไว้แล้วให้ติดต่อบริษัทผู้ประกอบการขนส่งผู้ให้บริการโดยตรง

กรมการขนส่งทางบก.jpg

อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ระบุว่า การให้บริการรถโดยสารในเส้นทางอื่นๆ ยังคงให้บริการได้ตามปกติ โดยมีมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งผู้ประกอบการขนส่ง พนักงานขับรถ และผู้โดยสารต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด คือ ให้มีมาตรการคัดกรองผู้โดยสารทุกคนก่อนการเดินทาง หากตรวจพบผู้โดยสารที่มีอุณหภูมิร่างกายสูงเกินกว่า 37.5 องศาเซลเซียส จะห้ามเดินทางโดยเด็ดขาด จัดที่นั่งภายในรถโดยสารเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร ตามมาตรการ Social Distancing เพื่อป้องกันการติดต่อสัมผัส

จิรุตม์.jpg
  • จิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก

นอกจากนี้ ให้จัดเตรียมคำถามสุขภาพ (แบบ ต.8-คค) เพื่อให้ผู้โดยสารกรอกข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อการควบคุมโรคติดต่อ และรวบรวมส่งให้สำนักงานขนส่งจังหวัด ณ จุดสิ้นสุดการเดินทาง หรือต้องเตรียมไว้สำหรับให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบระหว่างการเดินทาง รวมถึงเข้มงวดตรวจสอบ ห้ามผู้โดยสารที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยขึ้นรถโดยสารเด็ดขาด เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคภายในรถ ให้มีน้ำยาแอลกอฮอล์ เจล หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค สำหรับผู้โดยสารภายในรถ

ส่วนพนักงานขับรถ ผู้ประจำรถ ต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาขณะปฏิบัติงานด้วยเช่นกัน โดยให้ปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวอย่างเคร่งครัด จนกว่าจะมีประกาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินหรือมีประกาศเป็นอย่างอื่น