วันนี้ (27 ส.ค. 2568) เวลา 13.30 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับและหารือข้อราชการกับนายจาง เจี้ยนเว่ย์ (H.E. Mr. Zhang Jianwei) ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย โดยมี นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทย นายเกรียงเดช เข็มทอง ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับและหารือ
นายภูมิธรรม เวชยชัย กล่าวว่า ตนได้มีโอกาสพบกับท่านทูตจาง เจี้ยนเว่ย์ ครั้งแรกในพิธีเปิดงานศิลปาชีพประทีปไทยฯ ปี 2568 เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 68 ที่ผ่านมา ซึ่งแม้จะเป็นการพบกันครั้งแรกก็สัมผัสได้เหมือนว่าเราเป็นเพื่อนที่ดีกันมาอย่างยาวนาน ดังความสัมพันธ์ 50 ปีที่ไทย-จีนมีความสัมพันธ์ต่อกัน แต่เหนือกว่านั้น ความสัมพันธ์ระหว่างชาติและประเทศของเรามีมาอย่างช้านาน สะท้อนผ่านชาวจีนที่มาอยู่เมืองไทยก็มีลูกหลานสืบทอดร่วมกับคนไทย พวกเราหลายคนก็มีเชื้อสายจีน ความสัมพันธ์ซึ่งเป็นหุ้นส่วนเป็นมิตรภาพกันเป็นสิ่งที่ดีที่จะทำให้เกิดการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในภูมิภาค
นายภูมิธรรมได้กล่าวขอบคุณทางการจีนที่มีบทบาทสร้างสรรค์ต่อการแก้ไขสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยรัฐบาลไทยยึดมั่นสันติวิธี เคารพหลักกฎหมายระหว่างประเทศในการรักษาอธิปไตย และได้ยึดถือกติกาการหยุดยิงมาอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ไทยและกัมพูชาเป็นเพื่อนบ้านชิดติดกันแยกหนีออกจากกันไม่ได้ และไทยได้ใช้ "กลไกทวิภาคี" หารือร่วมกับกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง อาทิ GBC ระดับรัฐมนตรีกลาโหม และ RBC ระดับแม่ทัพ ซึ่งเราเชื่อว่าเป็นแนวทางที่จะทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน
นายภูมิธรรมยังได้ขอบคุณทางการจีนในความร่วมมือร่วมกับไทยและเมียนมา แก้ไขปัญหาปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ และอาชญากรข้ามชาติจนสามารถส่งคนจีนในเมียนมากลับไปได้จำนวนมาก และเราจะเดินหน้าความร่วมมือเหล่านี้ต่อไป รวมถึงขอความร่วมมือในการแก้ไขปัญหายาเสพติดที่เป็นภัยคุกคามทั้งต่อไทยและจีนจนเรียกได้ว่า "ยาเสพติดเป็นภัยคุกคามของโลก" และยังได้กล่าวถึงโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีนที่จะเป็นตัวเชื่อมการค้าที่ดีต่อกันและจะทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศเพิ่มมากขึ้น
ในช่วงท้าย นายภูมิธรรมได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ระดับท้องถิ่นระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและจังหวัดของไทยและนคร มณฑล หรือเมืองของจีน ซึ่งรัฐบาลได้มีนโยบายเมื่อวันที่ 28 มค. 68 ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีนเพิ่มเติม โดยเฉพาะการสถาปนาบ้านพี่เมืองน้องที่มีมาแล้ว 40 คู่ ในโอกาสวาระครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับจีน เรามีความประสงค์จะสถาปนาเพิ่มเติมอีก 10 คู่ เพื่อให้สอดคล้องกับวาระดังกล่าว อันสะท้อนความสัมพันธ์และความร่วมมือกันอย่างยาวนาน และเรามุ่งเดินหน้าอย่างเต็มที่ในการแสวงหาความร่วมมือกันอย่างแนบแน่น นอกจากนี้ ไทยให้ความสำคัญในเรื่องภูมิภาคอาเซียนที่รักษาจุดยืนของอาเซียนในการเป็นกลางและเป็นมิตรกับทุกประเทศ และเราเห็นบทบาทจีนที่ได้เข้ามาในอาเซียนในฐานะเพื่อนมิตรที่ช่วยเหลือเกื้อกูลและสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน เพื่อทำให้ประเทศในภูมิภาคนี้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และในวันที่ 8-12 ธ.ค. 68 นี้ ประเทศไทยโดยกระทรวงมหาดไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน (Rural Development and Poverty Eradication: RDPE) ครั้งที่ 14 และการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน (Senior Officials Meeting on Rural Development and Poverty Eradication: SOMRDPE) และ SOMRDPE+3 ซึ่งมีจีนเป็นประเทศพันธมิตร จึงขอใช้โอกาสนี้ในการเรียนเชิญเข้าร่วมประชุมในฐานะประเทศพันธมิตรกับอาเซียน (จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้)
"วันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่ก้าวต่อไปเพื่อทำให้ประเทศทั้งสองมีสัมพันธไมตรีกันอย่างแน่นแฟ้น พร้อมให้ความมั่นใจดังคำพูดที่เราพูดกันว่า "จีนไทยใช่อื่นไกลพี่น้องกัน" (中泰一家亲)" นายภูมิธรรม กล่าว
นายจาง เจี้ยนเว่ย์ กล่าวว่า ในโอกาส 50 ปีความสัมพันธ์ไทย-จีน เป็นโอกาสอันดีที่จะได้ส่งเสริมความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อตอกย้ำความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของเราสองประเทศในฐานะเป็นเพื่อนที่ดี ญาติที่ดี หุ้นส่วนที่ดี ประเทศจีนและประเทศไทยจะเป็นมิตรภาพเช่นนี้ตลอดไป และตนมองไปข้างหน้าว่า อีก 50 ปีความสัมพันธ์เราก็จะแน้นแฟ้นยิ่งขึ้น เพราะทุกภาคส่วนในประเทศไทยให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันจึงต้องขอขอบคุณที่ช่วยสร้างคุณอุปการต่อความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
นายจางกล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งทางการจีนได้แสดงบทบาทเชิงสร้างสรรค์เพื่อให้สองฝ่ายมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เพราะไทยและกัมพูชาต่างเป็นเพื่อนบ้านที่ดีของจีน เราขอให้ทั้งสองประเทศได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงตลอดไปและกลับสู่สันติภาพโดยเร็ว เพราะทุกฝ่ายไม่อยากเห็นการสร้างความเสียหาย เราอยากเห็นเสถียรภาพ สันติภาพของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ
"ขอขอบคุณทางการไทยที่ได้ให้การสนับสนุนการปราบปรามอาชญากรข้ามชาติ ภายใต้กรอบความร่วมมือจีน ไทย เมียนมา ทำให้การปราบปรามแก๊ง Call Center ประสบความสำเร็จอย่างมาก สามารถช่วยเหลือส่งคนจีนกลับประเทศได้ 5,400 กว่าคนกลับจีน ซึ่งทำความสำเร็จนี้ยังส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวจีนมีความมั่นใจที่จะเดินทางมาไทยมากขึ้นด้วย เพราะประเทศไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางอันดับ 1 ของนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งในวันหยุดยาวเดือนธันวาคมนี้ก็จะมีนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวไทยมากขึ้น และอนาคตจีนจะร่วมมือกับนานาประเทศมากขึ้นเพื่อกำจัดแก๊ง Call Center ให้หมดไป"
ในช่วงท้าย นายจางยังได้ชื่นชมบทบาทของนายภูมิธรรมที่ได้ลงพื้นที่ปราบปรามยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรัฐบาลจีนมีความแน่วแน่ในการปราบปรามยาเสพติด และยินดีที่จะร่วมมือกับประเทศไทยต่อไป รวมถึงในเรื่องรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ซึ่งผู้ดูแลหลักของทางการจีนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก และยินดีทำงานร่วมกับไทยอย่างใกล้ชิด เพื่อการสร้างรถไฟความเร็วสูงจีน-ไทยสำเร็จโดยเร็ว และเราจะเป็นมิตรประเทศที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นเช่นนี้และเพิ่มมากขึ้น ๆ ตลอดไป