ไม่พบผลการค้นหา
‘เศรษฐา’ สั่งยกระดับมั่นคงภูเก็ต หวั่นเสียความมั่งคั่ง ลั่นดูแลให้ดีอย่าให้มีน้ำผึ้งหยดเดียว ทำการลงทุนแสนล้านเสียหาย

เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง พร้อมด้วย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และคณะ เดินทางมามอบนโยบายแก่ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 

โดยเศรษฐา ได้รับฟังรายงานผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ โดยเรื่องแรกเป็นเรื่องที่พักอาศัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีจำนวน 17,730 นาย และมีที่พักอาศัย 8,500 ห้อง ซึ่งได้รับปีงบประมาณปี 2567 - 2568 มาปรับปรุงที่อยู่อาศัย ซึ่งนายกฯ ได้เน้นย้ำว่าต้องการให้ใช้โมเดลที่พักข้าราชการตำรวจ ตามที่ได้สั่งการไปในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มาใช้กับพื้นที่จังหวัดภูเก็ตด้วย

ขณะที่การดำเนินการกวดขันจับกุมชาวต่างชาติ ที่กระทำผิดกฏหมาย ปัจจุบันมีชาวต่างชาติอาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตราว 1 ล้าน 4 แสนคน ส่วนใหญ่เป็นสัญชาติรัสเซียมากที่สุด ซึ่งพบผู้กระทำผิดที่เป็นชาวต่างชาติ และมีการดำเนินคดีเพิกถอนการอยู่ต่อตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2566 จนถึงปัจจุบันจำนวน 98 ราย พบเป็นชาวจีนและเมียนมา 

นอกจากนี้ ยังมีการตั้งศูนย์ปราบปรามการกระทำความผิดการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ศปปธ.) พร้อมกับตรวจสอบข้อมูลบริษัท มีชาวต่างชาติถือหุ้นในจังหวัดภูเก็ต จำนวน 10,291 บริษัท โดยมีบริษัทที่มีลักษณะต้องสงสัย มีพิรุธ มีการจดทะเบียนหลายบริษัทในที่ตั้งเดียวกัน จำนวน 169 เป้าหมาย รวมถึงยังมีการรายงานสถานการณ์การลักลอบ นำเข้ายางพาราเข้าประเทศ ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2566 - 31 มีนาคม 2567 กว่า 67,445 กิโลกรัม และปาล์มน้ำมัน 8,180 กิโลกรัม การจับกุมกวาดล้างแก๊งค์เครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ จากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน และกลุ่มนายทุนหนุนหลังในพื้นที่จังหวัดชายแดนระนอง

จากนั้น เศรษฐา กล่าวมอบนโยบาย ว่า ตนลงมาภูเก็ตเป็นครั้งที่ 3 ตั้งแต่เป็นนายกฯ การพัฒนาภูเก็ตเป็นความสำคัญต้นๆ ของรัฐบาล เพราะเราต้องพัฒนาการท่องเที่ยว และเมื่อมีความมั่งคั่งถ้าไม่มีความมั่นคง ความมั่นคั่งจะพังทลาย ซึ่งปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาเรื้อรัง 6 เดือนที่ผ่านมา มีการจับยาเยอะมาก แต่ปัญหายาบ้าไม่ลดลง ที่ตั้ง KPI มาถือว่าต่ำไปเยอะ ต้องจัดการให้มากกว่านี้ ที่มีการจับกุมมาคือรายเล็กทำไมไม่จับรายใหญ่ 

ส่วนการพนันออนไลน์ประชาชนเดือดร้อน ตัวเลขจับกุมยังน้อยอยู่ ขอให้เร่งดำเนินการจับกุมต่อไป หนี้นอกระบบก็เป็นปัญหาเรื้อรังเป็นมะเร็งร้ายของสังคม เป็นจุดเริ่มต้นของหายนะ อยากให้ตำรวจร่วมกับฝ่ายปกครอง จัดตลาดนัดแก้หนี้ อย่าให้มีการข่มขู่ลูกหนี้ ซึ่งกระทรวงการคลังที่ตนเป็นรัฐมนตรีอยู่จะเข้ามาช่วยดูแลเกี่ยวกับกระแสเงินสด ที่กล่าวมาเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ถ้าจบการสัมมนาวันนี้แล้ว ขอให้ไปช่วยกันคิดว่าทำให้แข็งแรงขึ้นอย่างไร ขณะที่เรื่องยางพาราก็เป็นเรื่องสำคัญชายแดนไทยติดพม่า2,000 กว่ากิโลเมตร ด่านใหญ่สามารถสกัดอยู่ เขาจึงลักลอบนำเข้ายางเถื่อนตามตะเข็บชายแดน จึงขอให้เข้มแข็งขึ้น 

เศรษฐา กล่าวว่า สำหรับการป้องกันการกระทำผิดของคนต่างชาติก็เป็นเรื่องสำคัญ มีเครือข่ายด้านธุรกิจทำตัวนอกเหนือกฎหมาย ขอให้เข้าใจว่ารัฐบาลลงทุนที่ภูเก็ตเป็นแสนล้าน แต่ถ้ามีการกระทำที่ไม่เหมาะสมเกิดขึ้นกรณีเดียวจากนักท่องเที่ยวที่เข้ามาทำมาหากินอย่างไม่ถูกต้องที่ลงทุนจะพังพินาศได้ ขอให้ช่วยกันดูให้ดีเพราะเราลงทุนไปสูง ไม่อยากให้น้ำผึ้งหยดเดียวเป็นปัญหาให้เรื่องที่เราทำเสียหาย 

เศรษฐา กล่าวอีกว่า ขอฝากผู้สมัคร สส.เป็นหูเป็นตา อย่าให้การลงทุนสูญเปล่า อย่างไรก็ตามมีการร้องเรียนเกี่ยวกับการก่อเหตุทะเลาะในสวนน้ำแห่งหนึ่งในภูเก็ตเข้ามา แต่เรื่องเงียบไม่ทราบข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เรื่องเงียบไม่ได้ลงหนังสือพิมพ์ แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงปกปิดไม่มิด ใครที่เกี่ยวข้องไปเอาความจริงมาให้ได้ เพราะเรื่องไปอยู่ที่รัฐสภาแล้ว ต้องดูแลเป็นพิเศษอย่าจับแต่รายย่อย จับรายใหญ่ให้ได้สร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกว่าไทยมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างถูกต้องเป็นธรรมเคร่งครัด 

อย่างไรก็ตามการพัฒนา จ.ภูเก็ต มีเรื่องที่หนักใจคือการประกอบธุรกิจโรงแรมที่ผิดกฎหมาย เป็นความโชคไม่ดีของฝ่ายความมั่นคงที่เป็นปลายน้ำมาดูแลใบอนุญาติที่ไม่ถูกต้อง ดูแลเรื่องทางหนีไฟ ถ้าเกิดเหตุเดี๋ยวเป็นประเด็นอีก สำหรับเรื่องการแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำประปา ตนได้คุยกับ ฉัตรชัย จะเอาน้ำจากเขื่อนเชี่ยวหลานผ่านจังหวัดกระบี่ พังงา ให้มาใช้ที่ภูเก็ต ลดการขาดแคลนน้ำ 

เศรษฐา ยังกล่าวถึงกรณีที่นักท่องเที่ยวไม่มีใบขับขี่แล้วใช้พาสปอร์ตเป็นหลักฐานการเช่ารถ เมื่อถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมมำให้ไม่มีเอกสารยืนยันนั้น อาจจะถูกมองว่าเราเข้มเกินไปกลัวนักท่องเที่ยวไม่พอใจ แต่ยืนยันว่ากฎหมายต้องมาก่อน ไม่เช่นนั้นนักท่องเที่ยวก็จะไม่ทำตามกฎหมาย 

“ถ้าเขาจะไม่มาเพราะเราเข้มข้นก็ไม่เป็นไร เพราะเป็นนักท่องเที่ยวที่ไม่มีคุณภาพ เราต้องการนักท่องเที่ยวที่เคารพกฎหมายของประเทศไทย” 

จากนั้น เศรษฐา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวการร่วมเพศกลางทะเลที่หาดป่าตอง จะดำเนินการอย่างไร ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของความเหมาะสม ต้องเคารพวัฒนธรรมอันดีของประเทศไทย หากทำผิดต้องสั่งลงโทษทันที ไม่มีข้อยกเว้น 

เมื่อถามถึงการผลักดันให้ จ.ภูเก็ต เป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษจะดำเนินการอย่างไร เศรษฐา กล่าวว่า ตนยังไม่ได้หนังสือข้อเสนอดังกล่าว หากได้รับจะต้องพิจารณาว่าเขตเศรษฐกิจพิเศษคืออะไร แต่ต้องดูว่าหากเป็นโรงงานอุตสาหกรรมอาจไม่เหมาะสม เพราะเราเน้นเรื่องการท่องเที่ยว หากการยกระดับจ.ภูเก็ต ในธุรกิจที่ควบคู่ไปกับการท่องเที่ยวตนยินดี 

เมื่อถามย้ำว่า หากจะยกเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเฉพาะด้านท่องเที่ยวจะสามารถทำได้หรือไม่ เศรษฐา กล่าวว่า ไม่ต้องยกระดับเพราะเกาะภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวและเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว มีศักยภาพสูงซึ่งเราจะยกระดับขึ้นไปอีก ซึ่งการสร้างเศรษฐกิจพิเศษต้องไม่เป็นภัยกับการท่องเที่ยว ถ้าเป็นไปได้อาจต้องเป็นเศรษฐกิจพิเศษเชิงวัฒนธรรมประเพณี ซึ่งสนับสนุนอุตสาหกรรมพื้นบ้านและดึงดูดนักท่องเที่ยวได้

เมื่อถามถึงการนำน้ำมาจากเขื่อนเชี่ยวหลานจะดำเนินการได้เมื่อไหร่ เพราะขณะนี้ทาง จ.กระบี่ ก็มีปัญหาขาดแคลนน้ำ เศรษฐา กล่าวว่า โครงการนี้เพิ่งสั่งการไปในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาให้มีการศึกษา ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือนในการศึกษา แล้วจะมีรายละเอียดที่ชัดเจน ยืนยันเรื่องนี้จะมีความคืบหน้าอย่างแน่นอน ไม่ต้องห่วงถ้าเราจะยกระดับภูเก็ตโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งประปา ไฟฟ้า ถนน เราให้ความสำคัญ 

เมื่อถามถึงการแก้ไขปัญหาจราจรในจ.ภูเก็ต เศรษฐา กล่าวว่า ในส่วนของสะพานสารสิน อยู่ระหว่างการศึกแนวทางเพื่อให้เรือยอร์ชสามารถวิ่งรอบเกาะได้ ส่วนเรื่องของการคมนาคมในการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากตัวเมืองไปสนามบินบางวันใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมง จึงได้มีการสร้างทางคู่ขนาน ขุดอุโมงค์ สร้างทางเล็กๆเพื่อระบายการจราจร มั่นใจว่าการจราจรที่ จ.ภูเก็ต ต้องดีขึ้น

นอกจากนี้นายกฯ ยังรับฟังรายงานสรุปโครงการทางแยกต่างระดับจุดตัดทางหลวงหมายเลข 402 กับทางหลวงหมายเลข 4027 (ทางเลี่ยงเมือง) (แยกท่าเรือ) บริเวณอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี และท้าวศรีสุนทร อำเภอถลาง ซึ่งโครงการดังกล่าวจะช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัด อำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าสู่เมืองภูเก็ต และสนับสนุนการพัฒนาด้าน เศรษฐกิจสังคมของพื้นที่ วงเงินงบประมาณ 2,380 ล้านบาท

โดยนายกรัฐมนตรี ได้สำรวจสถานที่ก่อสร้างจริง และดูสภาพปัญหาการจราจรบริเวณรอบวงเวียนอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี และท้าวศรีสุนทร ด้าน สราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง รายงานว่า อย่างไรก็ตาม มีโครงการที่จะนำสายสื่อสารลงดิน ไปพร้อมๆกับการก่อสร้างทางแยกต่างระดับ นายกรัฐมนตรี