วันนี้ (7 ส.ค. 2568) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในการประชุมมอบนโยบายสำคัญเร่งด่วนของกระทรวงมหาดไทย (8 Quick Wins: 3 ไร้ทุกข์ 5 สร้างสุข) และการขับเคลื่อนการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยมี น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายเกรียงเดช เข็มทอง ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ คณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้บริหารกรมและรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด และผู้บริหารจาก 76 จังหวัด รวมถึงผู้แทนจากเครือข่ายการทำงานในระดับพื้นที่ อาทิ ผู้แทน ป.ป.ส. ภาค ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด นายอำเภอ ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านระดับอำเภอ รวมกว่า 3,000 คน พร้อมถ่ายทอดสดผ่านระบบออนไลน์ไปยังจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ
นายภูมิธรรม เวชยชัย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยถือเป็นหน่วยงานที่ปฏิบัติงานใกล้ชิด และส่งผลต่อประชาชนโดยตรง ในการขับเคลื่อนงานของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งตนได้เคยกล่าวและแสดงความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะนำพาพวกเรา “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” เพื่อพี่น้องประชาชนไว้แล้วว่า “มหาดไทยต้องดีกว่าเดิม : มองไกล ใจเป็นหนึ่ง เป็นที่พึ่งประชาชน” เพื่อเป้าหมายสำคัญ คือ ความสุขที่ยั่งยืนของประชาชนทั้งประเทศ 8 นโยบาย ประกอบด้วย 3 ไร้ทุกข์ และ 5 สร้างสุข เชื่อมโยงกันให้เห็นผลอย่างรวดเร็วเป็นรูปธรรม ซึ่งกลุ่มนโยบายแรก “3 ไร้ทุกข์” คือ
(1) การเร่งปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติดเชิงรุกทุกพื้นที่ มุ่งเน้นการบูรณาการการทำงานในระดับพื้นที่ทุกกระบวนการ ตั้งแต่การป้องกัน การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน การ Re X-ray อย่างต่อเนื่อง การปรับเปลี่ยนทัศนคติของผู้เสพ การยกระดับกระบวนบำบัด รักษา และฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดให้กลับคืนเป็นคนดีสู่สังคม ไปจนถึงการเพิ่มศักยภาพและสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ตามนโยบาย “Seal Stop Safe” ของรัฐบาล ซึ่งได้ทำใน 14 จังหวัด 52 อำเภอชายแดน และ 76 สถานีตำรวจ ภายใต้เป้าหมายสุดท้ายเดียวกัน คือ จะต้องไม่มีผู้ค้า ผู้เสพ ในทุกหมู่บ้าน/ชุมชน หรือ “No Drugs No Dealers”
(2) การเร่งจัดระเบียบสังคมและปราบปรามผู้มีอิทธิพล โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ต้องปราบปรามการกระทำที่ผิดกฎหมายทุกรูปแบบ อาทิ การครอบครองอาวุธปืนที่ผิดกฎหมาย การจัดระเบียบสังคม การเปิดสถานบริการที่ผิดกฎหมาย การพนัน การค้ามนุษย์ การก่ออาชญากรรม รวมทั้งการเฝ้าระวังการลักลอบการนำเข้าสิ่งผิดกฎหมายโดยชาวต่างชาติ ตลอดจนนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวที่แฝงตัวเข้ามาประกอบธุรกิจมืด เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การฟอกเงิน แรงงานข้ามชาติ และอาชญากรรมออนไลน์ เป็นต้น พร้อมแสดงผลสำเร็จทุกไตรมาส
(3) การสร้างพื้นที่ทั่วประเทศไทยให้ปลอดภัยสำหรับทุกคน โดยมุ่งพัฒนาและจัดระเบียบพื้นที่ชุมชน เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยในทุกมิติ อาทิ การติดตั้งระบบไฟฟ้าส่องสว่างในพื้นที่เสี่ยง การติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) การออกแบบพื้นที่ทางกายภาพ ให้รองรับการใช้งานของกลุ่มเปราะบาง เช่น ทางเดินเท้า สวนสาธารณะ สุขาสาธารณะ การจัดเจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็วให้ความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน การพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติ (Cell Broadcast System: CBS) รวมถึงการกำหนดแนวทางปฏิบัติในการรักษาความสงบเรียบร้อยที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ ต่อมา คือ แนวทาง “5 สร้างสุข” ประกอบด้วย
(1) การเร่งแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน อย่างเป็นระบบ คืนรอยยิ้มให้ครอบครัว กล่าวคือ หนี้ครัวเรือนจะต้องได้รับการแก้ไข ประชาชนมีรายได้ต่อหัวเพิ่มขึ้น มีการออมที่เป็นหลักประกันและมีวินัยทางการเงิน
(2) การเร่งสร้างเสริมสุขภาวะและการศึกษาชุมชน/หมู่บ้านเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ในประเด็นสำคัญ 2 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านสุขภาพ รองรับและดูแลผู้สูงวัยอย่างมีคุณภาพ โดยพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านสุขภาพของ อปท. ให้เป็น “ผู้จัดการดูแลผู้สูงอายุ” ควบคู่กับการพัฒนา “เศรษฐกิจสุขภาพ” ในชุมชน เช่น อาหารปลอดภัย Farm To Table ในระดับชุมชน ภายใต้แนวคิด “ป่วยยาก หายง่าย อาหารดี อากาศดี สุขภาพดี” จัดตั้ง “1 ตำบล 1 สวนสมุนไพร” และ “1 หมู่บ้าน 1 ครัวอาหารปลอดภัย” และ 2) ด้านการศึกษา พัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาในสังกัดอย่างเต็มที่ ทั้งในมิติของ “การสร้างปัญญา” “การสร้างอาชีพ” และ “การยกระดับทักษะการแข่งขันทางวิชาการ” ของเด็กและเยาวชน ให้สามารถเติบโตเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ ฉลาด เก่ง ดี มีขีดความสามารถในการแข่งขันได้ในอนาคต
(3) การเร่งสร้างเมืองคึกคัก เน้น Soft Power รักษ์ศิลปวัฒนธรรม สร้างนวัตกรรมและยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง ผ่านการส่งเสริมกิจกรรมเศรษฐกิจที่สร้างรายได้และการออมให้ครัวเรือนที่เหมาะสมกับบริบทของแต่ละพื้นที่ สอดคล้องกับความต้องการของตลาด สนับสนุนนโยบายรัฐบาลโครงการ “1 ตำบล 1 Start-up” และ Soft Power ผ่านอุตสาหกรรม 5F (Food อาหารไทย Film ภาพยนตร์ Fashion แฟชั่น Fighting มวยไทย และ Festival เทศกาล เพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่กลับมาพัฒนาชุมชนด้วยนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง ยกระดับกิจกรรมเศรษฐกิจฐานราก ให้มีคุณภาพและมาตรฐาน รวมถึงการขับเคลื่อน OTOP สู่สินค้าเชิงคุณภาพ โดยยกระดับสู่ ThaiWORKS and Beyond สร้างเรื่องราวสร้างแบรนด์ และเพิ่มช่องทางการตลาดทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ให้สินค้า OTOP ของไทยก้าวไกลไปสู่ตลาดสากล
(4) การเร่งปรับปรุงบริการภาครัฐ ให้สะดวก รวดเร็ว ตรงใจ ทันสมัย ทันโลก ภายใต้แนวคิด “การบริการภาครัฐ รวดเร็ว ตรงใจ ตอบสนองความต้องการประชาชน” ซึ่งมีเป้าหมายหลักในการปรับปรุง ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานของกระทรวงมหาดไทยสู่การเน้นผลลัพธ์ของงาน รวดเร็ว ทันสมัย และตอบสนองพี่น้องประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาระบบการให้บริการประชาชนแบบดิจิทัล และการพัฒนาศักยภาพบุคลากรภาครัฐ ที่มุ่งแก้ปัญหาอย่างตรงจุด ด้วยจิตสำนึกแห่งการรับใช้ประชาชน
(5) การเร่งปรับปรุงระบบรับเรื่องร้องทุกข์ ให้เข้าถึงและแก้ปัญหาเบ็ดเสร็จ เร็วขึ้น มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาที่เป็นระบบ ด้วยการยกระดับบทบาทและขีดความสามารถของศูนย์ดำรงธรรม พร้อมนำเทคโนโลยีนวัตกรรมมาใช้ในกระบวนการรับเรื่องราวร้องทุกข์ และส่งเสริมบทบาทของจิตอาสาและเครือข่ายภาคประชาชนในการร่วมมือกับภาครัฐในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนในพื้นที่ ตลอดจนขอให้มีการพัฒนาศักยภาพกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเครือข่ายภาคประชาชนให้มีบทบาทในการช่วยไกล่เกลี่ยเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ในพื้นที่ให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวทิ้งท้ายว่า การขับเคลื่อนนโยบายสำคัญทั้ง 8 ด้านของกระทรวงมหาดไทย นั้น กระทรวง กรม ก็ได้ จัดตั้ง “คณะกรรมการและคณะทำงานขับเคลื่อนและติดตามนโยบายมหาดไทย” เพื่อทำหน้าที่ช่วยอำนวยการ กำกับ ติดตามเป็นพี่เลี้ยง และสนับสนุนการดำเนินงานให้บรรลุตามเป้าหมาย พร้อมทั้งสร้างความเข้าใจและสื่อสารไปยังกลไกในทุกระดับ รวมถึงประชาชนอย่างทั่วถึง ซึ่งทุกจังหวัดจะดำเนินการจัดตั้ง “คณะกรรมการและคณะทำงานขับเคลื่อนและติดตามนโยบายมหาดไทยของจังหวัด” ไปพร้อม ๆ กับส่วนกลาง เพื่อให้เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลในระดับพื้นที่ เพื่อเป็นกลไกที่จะสร้าง “พลังการเปลี่ยนแปลง” มหาดไทย ดีกว่าเดิม เร็วและเห็นผล ที่เริ่มต้นจากพื้นที่ มาสู่กระทรวงและรัฐบาล พร้อมขอให้ทุกท่านร่วมกันทุ่มเทแรงกายแรงใจในการผลักดันทุกนโยบายดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เป็นนักบริหาร ที่บริหาร ด้วยหัวใจหนึ่งเดียว “นักปกครองเพื่อประชาชน” เพื่อให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานที่ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” และเป็นที่พึ่งของประชาชน