ไม่พบผลการค้นหา
วันที่ 24 กรกฎาคม กระทรวงกลาโหมจีน ออกสมุดปกขาวว่าด้วยนโยบายของกองทัพ พร้อมแสดงความไม่พอใจต่อท่าทีของไต้หวันและฮ่องกง ซึ่งจีนย้ำชัดว่าเป็นส่วนหนึ่งของจีน ชี้พร้อมทำสงครามถ้าไต้หวันคิดเป็นเอกราช และให้กองทัพจีนในฮ่องกงเข้าควบคุมสถานการณ์ได้ หากรัฐบาลฮ่องกงต้องการ

ในกรณีของไต้หวันนั้น สืบเนื่องจากการที่ไต้หวันสั่งซื้อยุทโธปกรณ์จากสหรัฐฯ และสหรัฐฯ ก็รับรองการสั่งซื้อมูลค่ามูลค่า 2.22 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.84 หมื่นล้านบาท) โดยรวมไปถึงรถถังและขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน ตามคำขอของไต้หวันเมื่อต้นเดือนนี้ ทางการจีนได้ตอบโต้ไปแล้วด้วยการแถลงว่าจะคว่ำบาตรบริษัทสหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายครั้งนี้


จีนพร้อมเปิดสงคราม หากไต้หวันจะเป็นเอกราช

ล่าสุดวันพุธที่ 24 กรกฎาคม กระทรวงกลาโหมจีนได้ออกสมุดปกขาวว่าด้วยนโยบายของกองทัพ ซึ่งเนื้อหาส่วนหนึ่งระบุว่าจีนพยายามอย่างยิ่งในการรวมจีนเป็นหนึ่งเดียวโดยสันติ แต่การเรียกร้องเอกราชให้ไต้หวันนั้นจะพบทางตัน และจีนพร้อมจะทำสงครามหากใครคิดแบ่งแยกไต้หวันออกจากจีน

"หากผู้ใดริอาจคิดแบ่งแยกไต้หวันออกจากจีน กองทัพจีนก็พร้อมที่จะทำสงครามเพื่อรักษาอธิปไตย ความเป็นเอกภาพ และบูรณภาพแห่งดินแดนอย่างแน่วแน่" อู๋เชียน โฆษกกระทรวงกลาโหมจีน ระบุในสมุดปกขาว นี่นับเป็นครั้งแรกที่กลาโหมจีนออกสมุดปกขาวนับตั้งแต่ปี 2012

กลาโหมจีนยังระบุอีกว่าสหรัฐฯ ได้ยุให้เกิดการแข่งขันอย่างเข้มข้นระหว่างประเทศมหาอำนาจ อีกทั้งยังเพิ่มงบกลาโหมขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และบ่อนทำลายเสถียรภาพทางยุทธศาสตร์ของโลก

PLA

ทางด้านสภากิจการจีนแผ่นดินใหญ่ของไต้หวัน แถลงในภายหลังว่า ท่าทียั่วยุของรัฐบาลปักกิ่งเป็นการละเมิดหลักการสันติภาพของกฎหมายและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ทั้งยังท้าทายความสงบเรียบร้อยและระเบียบของภูมิภาคอีกด้วย

"เราเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจของรัฐบาลจีนละทิ้งการกระทำมุ่งร้ายและไร้เหตุผลอย่างการใช้กำลัง พัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างพื้นที่ช่องแคบนี้ และจัดการประเด็นต่างๆ รวมถึงเหตุการณ์ที่ฮ่องกงอย่างมีเหตุมีผล เพื่อให้สามารถเป็นชาติในภูมิภาคนี้ที่มีความรับผิดชอบ" ไต้หวันระบุ


จีนส่งกองทัพเข้าคุมได้หากฮ่องกงต้องการ

ในวันเดียวกันนี้ อู๋เชียน โฆษกกลาโหมจีน ยังกล่าวถึงเหตุการณ์ที่ผู้ชุมนุมประท้วงฮ่องกง บุกทำลายข้าวของในสำนักงานประสานงานของรัฐบาลประชาชนส่วนกลางในคืนวันที่ 21 กรกฎาคม ว่าเป็นการท้าทายหลักการหนึ่งประเทศสองระบบของจีน

"พฤติกรรมบางประการของกลุ่มผู้ประท้วงหัวรุนแรงเป็นการท้าทายอำนาจของรัฐบาลกลางและส่วนสำคัญของหลักการหนึ่งประเทศสองระบบ นี่เป็นสิ่งที่ยอมรับมิได้" อู๋เชียน กล่าวในการนำเสนอสมุดปกขาวฉบับใหม่ของกลาโหม

hong kong protest
  • ผู้ประท้วงฮ่องกงหน้าสำนักงานของส.ส.ผู้สนับสนุนจีน ในวันที่ 22 กรกฎาคม

เมื่อถูกถามว่ากลาโหมจะจัดการกับเหตุการณ์ในฮ่องกงและกองกำลังไร้ฝ่ายอย่างไร หวูกล่าวเพียงว่า มาตรา 14 ของกฎหมายกองทัพรักษาการณ์ (Garrison Law) ระบุไว้ชัดเจนอยู่แล้ว

นั่นหมายความว่าฮ่องกงสามารถร้องขอทางรัฐบาลกลาง ให้กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (People’s Liberation Army: PLA) ซึ่งประจำการอยู่ในฮ่องกงเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและบรรเทาเหตุภัยพิบัติ

หากมีการร้องขอ กองทัพปลดปล่อยประชาชนจนีจะเคลื่อนไหวภายใต้ผู้บัญชาการจีนที่ตำแหน่งสูงสุดที่ประจำการณ์อยู่ เพื่อดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายที่รัฐบาลฮ่องกงกำหนดไว้

อย่างไรก็ตาม กฎหมายมาตราดังกล่าวยังระบุว่ากองกำลังจีนซึ่งประจำการอยู่ในฮ่องกงนั้นไม่ควรแทรกแซงกิจการภายในพื้นที่ เว้นแต่รัฐบาลของเขตปกครองพิเศษฮ่องกงจะร้องขอ


เหตุปะทะนักศึกษาจีน-ฮ่องกงโพ้นทะเล
จากสถานการณ์ในแผ่นดินแม่

ทางด้านมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย เผยว่าเกิดการปะทะกันระหว่างนักศึกษาฝ่ายสนับสนุนจีน และฝ่ายสนับสนุนฮ่องกง

การประท้วงในมหาวิทยาลัยนำโดยนักศึกษาชาวฮ่องกง ลุกลามไปสู่ความรุนแรง เนื่องจากจัดขึ้นตรงกับวันที่ทางมหาวิทยาลัยจัดตลาดนัด และมีนักศึกษากลุ่มอื่นเข้ามาขัดขวาง

นิลส์สัน โจนส์ บรรณาธิการ เซมเปอร์โฟลรีต (Semper Floreat) นิตยสารมหาวิทยาลัยที่จัดทำโดยนักศึกษา กล่าวกับสำนักข่าวการ์เดียนออสเตรเลียว่า กลุ่มนักศึกษาผู้สนับสนุนจีนแผ่นดินใหญ่ได้ทำลายป้ายสนับสนุนการประท้วงฮ่องกงและป้ายประท้วงการปฏิบัติต่อชนกลุ่มน้อยอุยกูร์ของรัฐบาลจีน

โจนส์กล่าวว่าป้ายดังกล่าวระบุข้อความในลักษณะว่า "ชาวมุสลิมล้านคนถูกคุมขัง" และ "มอบเสรีภาพให้ฮ่องกง" ความตึงเครียดเริ่มขึ้นเมื่อนักศึกษาชาวจีนมาถึงพร้อมร้องเพลงชาติจีนผ่านเครื่องขยายเสียง

"การชุมนุมเริ่มกลายเป็นเหตุรุนแรงเมื่อนักศึกษาฝ่ายสนับสนุนจีนเริ่มฉีกทึ้งป้ายที่ฝ่ายหนุนฮ่องกงถืออยู่"

โจนส์ประมาณว่ามีนักศึกษาที่มาจากฮ่องกงราว 50 คน และนักศึกษาในประเทศราว 100 คนขึ้นไปในการชุมนุมประท้วงตอนแรก และทางฝั่งนักศึกษาสนับสนุนจีนแผ่นดินใหญ่มีประมาณ 200 คนขึ้นไป

ทางมหาวิทยาลัยระบุว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้เรียกตำรวจเพื่อควบคุมเหตุการณ์ พร้อมชี้ว่าบทบาทหนึ่งของมหาวิทยาลัยคือการเปิดให้มีการปราศัยโดยเสรีที่เปิดกว้าง เคารัพกัน และถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงการถกเถียงถึงแนวคิดที่ทางมหาวิทยาลัยอาจไม่ได้สนับสนุนหรือเห็นด้วย

อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ทางมหาวิทยาลัยจึงได้ขอกำลังสนับสนุนจากตำรวจ และทางตำรวจได้แนะนำให้ผู้ชุมนุมแยกย้ายกันไป

ที่มา: CNA / SCMP / Guardain / Strait Times

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: