จากเหตุการณ์ที่มีผู้บริโภคจำนวนมากได้รับความเดือดร้อนและเสียหาย กรณีซื้อรถยนต์ยี่ห้อ NETA จากบริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด แล้วประสบปัญหาเกี่ยวกับการให้บริการหลังการขาย เช่น การเคลมตามสัญญารับประกันคุณภาพสินค้าที่ต้องใช้ระยะเวลานานในการรออะไหล่หรืออุปกรณ์รถยนต์ส่งมอบป้ายทะเบียนล่าช้า การปิดตัวของศูนย์บริการ
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวว่า “กรณีเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าเนต้าเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค สคบ. ได้เดินหน้าอย่างเต็มกำลังเพื่อปกป้องสิทธิของผู้บริโภคให้ได้รับความเป็นธรรม ที่ผ่านมา สคบ. เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคอย่างใกล้ชิด โดยมีการลงพื้นที่ บริษัท เนต้าฯ เพื่อสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีผู้บริโภคไม่ได้รับบริการหลังการขาย และสั่งการให้เจ้าที่ สคบ. ลงพื้นที่ บริษัท เนต้าฯ ทุกสัปดาห์ เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเร่งรัดให้บริษัท เนต้าฯ ดำเนินการแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งเชิญตัวแทนบริษัท เนต้าฯ และผู้บริโภค มาพบพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อทำการเจรจาไกล่เกลี่ย ซึ่งสามารถเจรจาตกลงได้บางส่วน และสำหรับกรณีไม่สามารถเจรจาตกลงกันได้ ปัจจุบัน สคบ. ดำเนินการรวบรวมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องเสนอต่อคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคพิจารณาดำเนินคดี ตามมาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 แทนผู้บริโภคด้วยแล้ว”
ทั้งนี้ สคบ. มุ่งมั่นที่จะยืนหยัดเคียงข้างประชาชน พร้อมขอความร่วมมือจากผู้ประกอบธุรกิจประกอบธุรกิจอย่างมีธรรมภิบาล โดยจะผลักดันกลไกการคุ้มครองสิทธิให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างในระยะยาว หากผู้บริโภคได้รับความเสียหายจากการใช้สินค้าและบริการ สามารถขอคำปรึกษาได้ที่สายด่วน 1166 ร้องเรียนผ่านแอปพลิเคชัน OCPB Connect หรือ เว็บไซต์ www.ocpb.go.th รวมถึงคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัดทุกจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใกล้บ้าน เมืองพัทยา และสำนักงานเขตทุกแห่งในกรุงเทพมหานคร อีกทั้งยังสามารถใช้ช่องทางดิจิทัลผ่านระบบ Traffy Fondue (ทราฟฟี่ ฟองดูว์) เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของผู้บริโภค