ไม่พบผลการค้นหา
'จุลพันธ์' รมช.คลัง ลงนามการกู้เงินธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) สำหรับโครงการพัฒนาโครงข่ายทางหลวง เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ส่วนต่อขยายเชื่อมสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา

เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และ Mr. Anouj Mehta ผู้อำนวยการสำนักงานผู้แทนธนาคารพัฒนาเอเชีย ประจำประเทศไทย (ADB Country Director, Thailand Resident Mission) ได้ร่วมลงนามในสัญญาเงินกู้ สำหรับโครงการพัฒนาโครงข่ายทางหลวง เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ส่วนต่อขยายเชื่อมต่อสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา (Climate – Resilient Connectivity for the Eastern Economic Corridor Project: the Intercity Motorway No. 7 Extension to Link with U – Tapao International Airport) (โครงการฯ) วงเงิน 68.74 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 2,440.19 ล้านบาท ณ ห้องกำปั่นเงิน ชั้น 21 อาคาร 150 ปี กระทรวงการคลัง 

สืบเนื่องจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2565 อนุมัติให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) ดำเนินงานก่อสร้างโครงการฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อก่อสร้างทางยกระดับแนวใหม่ขนาด 4 ช่องจราจร และขยายช่องทางจราจรเพิ่มเติมในพื้นที่จังหวัดระยอง ซึ่งจะช่วยลดระยะทางจากการเดินทางโดยทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ช่วงพัทยา – มาบตาพุด สู่สนามบินอู่ตะเภา จากเดิม 5 กิโลเมตร เหลือเพียง 1.92 กิโลเมตร รวมถึงปรับปรุงการเชื่อมต่อกับทางหลวงหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท) โดยให้กระทรวงการคลังดำเนินการจัดหาเงินกู้จากต่างประเทศ 

ในการนี้ กระทรวงการคลังได้ดำเนินการทาบทามและเจรจาเงินกู้กับ ADB และคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติเงื่อนไขของสัญญาเงินกู้ดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 โดยมีวงเงินรวมทั้งสิ้น 68.74 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 2,440.19 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยลอยตัว (SOFR + Spread + Surcharge/Rebate) อายุเงินกู้ 12 ปี รวมระยะเวลาปลอดการชำระหนี้เงินต้น (Grace Period) 4 ปี และระยะเวลาสิ้นสุดการเบิกจ่ายเงินกู้ภายในวันที่   31 ธันวาคม 2572

ทั้งนี้ การกู้เงินเพื่อสนับสนุนในโครงการลงทุนดังกล่าวจะก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศในหลายมิติ เช่น การลดระยะทางในการเดินทางสู่สนามบินอู่ตะเภา ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดปัญหาการจราจรแออัดบริเวณโดยรอบสนามบิน และสนับสนุนการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นสนามบินนานาชาติเชิงพาณิชย์แห่งที่ 3 ของประเทศไทย ตลอดจนเสริมสร้างระบบคมนาคมขนส่งแบบไร้รอยต่อ เชื่อมโยงกรุงเทพมหานครและปริมณฑลกับภาคตะวันออก ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ เพื่อสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศและส่งเสริมการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (The Eastern Economic Corridor: EEC) ให้เป็นเมืองธุรกิจและศูนย์กลางโลจิสติกส์ที่สำคัญของประเทศไทยในอนาคต เป็นต้น