ศาสตราจารย์ ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึง กรณีที่รมว.คลัง ปัจจุบันพูดว่า เศรษฐกิจไทยติด 4 กับดัก ได้แก่ การลงทุนต่ำ, หนี้สูง, เทคโนโลยีต่ำ, และมีคนแก่จำนวนมากนั้น เป็นเรื่องจริงมานานแล้ว แต่เป็นเรื่องของโครงสร้างเศรษฐกิจ เป็นเรื่องของภาคเอกชนและภาคประชาชน รัฐบาลจะทำอย่างไร เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้
โดย 3 เรื่องแรก คือลงทุนต่ำ, หนี้สูง และเทคโนโลยีต่ำนั้น "เป็นผลเบื้องต้นของปัญหา" ไม่ใช่เหตุแห่งปัญหา รัฐบาลควรแก้ที่อริยสัจแห่งปัญหา เหตุแห่งปัญหาของเศรษฐกิจไทยคือ ค่าเงินบาทแข็งเกินไป ดอกเบี้ยสูงไป เงินเฟ้อต่ำไป
ค่าเงินบาทแข็งมากเกินไปมานานกว่า 20 ปีแล้ว ทำให้การส่งออกและท่องเที่ยวเติบโตต่ำ จึงมาลดรายได้ประเทศ (GDP) ลดรายได้ประชาชน ผลคือ การลงทุนใหม่มีน้อย การลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ก็น้อย เพราะไม่มีเงินและผลิตแล้วก็ขายไม่ได้ รายได้ประชาชนจึงต่ำไม่พอกิน จึงต้องกู้มากิน หนี้ประชาชนจึงสูงมาก รัฐบาลก็ได้ภาษีน้อย จึงไปกู้มามาก หนี้รัฐบาลจึงสูงมากด้วย
วิธีการแก้ปัญหา จึงต้องเพิ่มปริมาณเงินบาทในระบบเศรษฐกิจก่อน ซึ่งจะทำให้เงินเฟ้อไทยเพิ่มขึ้นเท่าๆ เงินเฟ้อโลก เงินบาทจึงจะอ่อนค่าลง ทำให้การส่งออกและท่องเที่ยวเติบโตสูงขึ้น มีรายได้มากขึ้น มาเพิ่ม GDP เพิ่มรายได้ประชาชน หนี้ประชาชนจึงจะลดลง
เมื่อ GDP เพิ่มมากขึ้น จะทำให้ประเทศไทยดูมีอนาคต ความเชื่อมั่นของนักลงทุนจึงกลับมา การลงทุนจึงจะเพิ่มขึ้น มีการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ มากขึ้น
อัตราความเจริญเติบโต (GDP growth) ที่สูงขึ้น จะทำให้ประชาชนมีรายได้สูงขึ้น ทำให้หนี้ครัวเรือนลดลง รัฐบาลก็เก็บภาษีได้มากขึ้น หนี้รัฐบาลก็ลดลงด้วย รัฐจึงจะมีงบประมาณมาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและทุนมนุษย์มากขึ้น
วิธีการตามข้างบนนี้ คือการแก้ตามอริยสัจแห่งปัญหา เป็นการแก้ปัญหาที่เหตุ
หากรัฐบาลไม่ปรับค่าเงินบาทให้เหมาะสมให้แข่งขันได้ ให้ส่งออกได้มากขึ้นก่อน แล้วไปประกาศฟื้นการลงทุนให้สูง ให้ลดหนี้ประชาชนลง และให้ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ จะทำได้อย่างไร ในเมื่อเศรษฐกิจไม่เติบโต เอกชนและประชาชนไม่มีเงิน และค่าเงินของประเทศก็แพงเกินไป จะไปชักชวนคนต่างชาติมาลงทุน
มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า "การทำราคาสิ่งของให้ถูกๆ จะมีประโยชน์อะไร เมื่อประชาชนไม่มีรายได้ไม่มีเงินซื้อ" สู้ทำให้ประชาชนมีรายได้ มีฐานะดีขึ้น แม้ของแพงขึ้นหน่อย ก็มีเงินซื้อได้ ศ.สุชาติฯ กล่าว