วันนี้ (7 ตุลาคม 2568) นันทนา นันทวโรภาส , นายแพทย์ เปรมศักดิ์ เพียยุระ , นาวาตรี วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ และนายเศรณี อนิลบล สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กลุ่มอิสระ ร่วมกันแถลงข่าวถึงกรณีการลงมติให้ความเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ
สว.นันทนา ระบุว่า ตนและกลุ่ม สว.อิสระได้พยายามเรียกร้องให้ สว.ทุกคนชะลอการลงมติเกี่ยวกับการเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระออกไปก่อนจนกว่าคดีความเรื่องฮั้วเลือก สว.จะเสร็จสิ้นกระบวนการ โดยเมื่อพบว่า สว.มีความบริสุทธิ์ไม่มีมลทินมัวหมองสามารถกลับมาทำหน้าที่ให้ความเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระต่อไปได้ เนื่องจากมองว่าการทำหน้าที่ดังกล่าวเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน เมื่อมีการเลือกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ย่อมเท่ากับการเลือกบุคคลเหล่านี้ไปตัดสินคดีของตนเอง โดยเฉพาะขณะนี้ประเทศไทยมีรัฐบาลที่มาจากพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ขณะเดียวกันมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่ได้ชื่อว่าสายตรงบุรีรัมย์ ยิ่งสร้างความกังวลใจให้กับประชาชนต่อคดีฮั้วเลือก สว. ว่าจะเลือนหายไปในที่สุดหรือไม่ ?
นอกจากนี้ยังเปิดเผยด้วยว่าที่ผ่านมาในการตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระแต่ละครั้งมักจะมี สว. คนเดิมๆ เข้าไปนั่งในกรรมาธิการโดยไม่มีการเปิดโอกาสให้ สว.เสียงข้างน้อยหรือผู้ที่เห็นต่างได้มีโอกาสตรวจสอบบุคคลที่จะนั่งในองค์กรอิสระดังกล่าว จึงขอเรียกร้องให้สว.เสียงข้างมากชะลอการคัดเลือกบุคคลเข้าไปดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระออกไปก่อนจนกว่าคดีฮั้วเลือก สว.จะเป็นที่สิ้นสงสัย อย่างไรก็ตามยืนยันจะขับเคลื่อนประเด็นนี้ต่อไปแม้ว่าหลายครั้งจะถูกยับยั้งจากที่ประชุมวุฒิสภาก็ตามเพราะนี่คือผลประโยชน์ของประชาชนประเทศชาติ ตนจะไม่ยอมให้มีการกินรวบองค์กรอิสระอย่างแน่น
สว.เปรมศักดิ์ กล่าวว่าประเทศไทยอยู่ในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่มีบุคคลกลุ่มหนึ่งพยายามกินรวบประเทศไทยโดยผ่านการกินรวบองค์กรอิสระ และวางแผนเอาสว.เป็นสารตั้งต้นของการกินรวบองค์กรอิสระ ดังนั้นจึงต้องการให้สังคมมองภาพอนาคตว่าไม่ใช่เพียง 4 เดือนที่รัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทยจะยุบสภา แต่ต้องมองต่อไปว่าหลังจากยุบสภาแล้วเข้าสู่การเลือกตั้งทั่วไป เมื่อมีผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระโดยเฉพาะกกต.ที่มาจากพรรคการเมืองคุมอำนาจแล้ว ย่อมส่งผลกระทบต่อผลการเลือกตั้งที่อาจไม่มีความโปร่งใส บริสุทธิ์ และยุติธรรมได้ ดังนั้นจึงขอเรียกร้องประชาชนจับตามองและรณรงค์เรื่องนี้อย่างกว้างขวางต่อไป
สว.เศรณี และ นาวาตรี วุฒิพงศ์ สว. กล่าวเพิ่มถึงกรณีการถูกกีดกันไม่ให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ในกรรมาธิการ การถูกลงโทษโดย สว. 21 คน ถูกระบุชื่อในสมุดปกดำ และแจกจ่ายให้กับสว.เสียงข้างมากทั้งหมดห้ามมีปฏิสัมพันธ์ด้วยจึงมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่สอดคล้องตามหลักการของระบอบประชาธิปไตยที่ควรมีพื้นที่ให้กับผู้เห็นต่างหรือเคารพและรับฟังเสียงจากผู้เห็นต่าง