ไม่พบผลการค้นหา
เสร็จศึกซักฟอกนโยบายรัฐบาล ประยุทธ์ 2 -อภิปรายไม่ไว้วางใจย่อย ปัญหาเศรษฐกิจ-การเมือง ถูก 7 พรรคฝ่ายค้านชำแหละ-ตีแผ่กันกลางเวทีสภาตลอด 2 วัน 2 คืน 29 ชั่วโมง ภายหลังห่างหายไปนานกว่า 5 ปีนับตั้งแต่ 22 พ.ค.2557

“สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรี 1 ใน 36 รัฐมนตรีที่ถูกพาดพิงเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจรากหญ้า-เมกะโปรเจ็กต์แสนล้านบาทตลอดการประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาแถลงนโยบายรัฐบาล เมื่อวันที่ 25-27 ก.ค. ที่ผ่านมา

“สมคิด” เริ่มอภิปรายโยง-ย้อนอดีตตั้งแต่บริหารเศรษฐกิจในยุค “ไทยรักไทยรุ่งเรือง”ตลอด 6 ปี ก่อนถูกปฏิวัติโดย “บิ๊กบัง” อดีตหัวหน้าคมช.” ดึง “อารมณ์ร่วม” เพราะ มี “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” หัวหน้าเพื่อไทย “เพื่อนร่วมรุ่นไทยรักไทย”

“6 ปี การบริหารเศรษฐกิจของประเทศไม่ใช่ของง่าย หลังเกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง เราใช้เวลา 4 ปีเป็นอย่างน้อยกว่าจะฟื้นฟูวิกฤตต้มยำกุ้งขึ้นมาได้ เมืองไทยเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงโอกาสที่จะดีขึ้นคงไม่ง่าย”

“แต่ระบบรัฐสภาของเรา แป๊บเดียวเลือกตั้ง แปบเดียวรัฐบาลก็ล่ม ดังนั้นนโยบายส่วนใหญ่ที่ออกมาจึงระยะสั้น เพื่อจะเรียกร้องคะแนนนิยม โอกาสที่จะทำหลาย ๆ สิ่งยากมาก 6 ปีที่เสียไปทำได้อย่างเดียวคือฟื้นฟูประเทศจากวิกฤตต้มยำกุ้ง”

“มีหลายครั้งที่จะลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ ในช่วงท้ายได้มีการเรียกทูตทั่วโลกมาที่ตึกนารีสโมสร เพราะรู้ว่าเราล้าหลังไปมาก แต่ไม่ทันการณ์ เพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้น”

“สมคิด” หายไปจากหน้าการเมืองไปกว่า 10 ปี ก่อนจะมาปรากฏกาย “ลงเรือแป๊ะ” เป็นกุนซือ-ที่ปรึกษาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา“หัวหน้าคสช.

“เศรษฐกิจในขณะนั้นไม่ดี ถ้าเหมือนชีพจรมันเต้นแผ่ว ท่านลองหลับตานึกเอาว่ามันเป็นอย่างไร บ้านเมืองเกิดการจลาจลวุ่นวาย ก่อนหน้านั้นน้ำท่วมใหญ่เกิดความเสียหายมหาศาล เราไม่โทษใคร ถือว่าเป็นโชคร้ายของประเทศไทย”


ประยุทธ์ คณะรัฐมนตรี ครม รัฐบาล จุรินทร์ วิษณุ สมคิด 0_1IT8R7.jpg

“สมคิด” สำทับการอภิปรายของนายสมพงษ์-ศิษย์เก่าร่วมสำนักไทยรักไทย ว่า ประเทศไทยในช่วงปี 57 เป็น “The sick man of Asia” 

“เวลานั้น เวลาพูดถึง The sick man of Asiaหมายถึง จีน สมัยก่อนลำบากยากเข็น ในขณะนั้นเมืองไทยสับสนวุ่นวายมาก ถ้าวันนั้น สภาพการณ์เป็นอย่างนั้น ลองนึกดูว่าไทยมีอนาคตหรือไม่”

“ถ้าบอกว่า 5 ปีที่ผ่านมา ไม่มีอะไรดีเลย เละเทะ จริงหรือเปล่า ผมไม่โต้เถียงท่าน จะว่าเละเทะก็เละเทะ ประวัติศาสตร์จะเป็นเครื่องชี้นำเลยว่าใครผิด ใครถูก”

“สมคิด”ยอมรับว่า ในปีแรกของ “ทีมเศรษฐกิจ” ที่มี “สมคิด” เป็น “แม่ทัพเศรษฐกิจ”คือการ “กระตุ้นเศรษฐกิจ” เพื่อผ่านจากเศรษฐกิจจุดต่ำสุด-ติดลบ

“กองทุนหมู่บ้าน ใครๆก็บอกว่า ให้ยุบทิ้ง ท่านนายก ฯ บอกไม่ยุบ เพราะเป็นกระดูกสันหลังที่แข็งแรงมาก ไม่มีใครเป็นเจ้าของ โครงการ 30 บาทไม่เลิก แต่ต้องพัฒนาให้ดีขึ้น”

“จำนำข้าวเลิกแน่ ไม่ใช่ไม่ดี แรก ๆ ใช้ได้ แต่หลัง ๆ มันเพี้ยน เกินไปจนกระทั่งข้าวเต็มโกดัง 17 ล้านตัน กดดันให้ราคาข้าวตกต่ำทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย”

“สมคิด” โชว์ผลงาน-ตัวเลขเศรษฐกิจนับตั้งแต่กุมบังเหียนทีมเศรษฐกิจ ไต่ระดับขึ้นมาจาก “ติดลบ” ทะยานขึ้นมาใน “แดนบวก” ทะลุ 4.8 เปอร์เซ็นต์ต่อจีดีพีในไตรมาส 1 ปี 2561

“ไม่ได้คุย ไม่ได้ดีใจ เคยประกาศ อย่าฝันว่าจะได้เกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ถ้าไม่ปฏิรูป เพราะ 70 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี คือ ส่งออก ส่งออกเพิ่งจะมาติดลบเพราะเศรษฐกิจโลก ครั้งนี้เจ็บหนักเพราะสงครามการค้า ซับพลายเชนไปทั้งเอเชีย ไปทั้งโลก”
“เรากินบุญเก่าประเทศมา 30 ปีสมัยป๋าเปรม (พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์) แหลมฉบัง มาบตาพุด ถ้าไม่สามารถสร้างสิ่งใหม่จูงใจนักลงทุนต่างประเทศมาเมืองไทยได้ ค่าแรงแพงกว่า เทคโนโลยีครึ่ง ๆ กลาง ๆ ถ้าไม่ปฏิรูปประเทศ”


สมคิด สภา  mplate.jpg

“ถ้าไม่มีอีอีซี ท่านจะเอาอะไรไปขายสู้กับเวียดนาม โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3สนามบิน รัฐไม่ต้องจ่ายเลย เอกชนประมูลแข่งกัน ชาวบ้านมีส่วนร่วม อาจจะมีปัญหาการสื่อความ ต้องใช้เวลา”

4 เมกะโปรเจ็กต์ในอีอีซีที่เตรียมจะ “คิกออฟ” ได้แก่ 1.ท่าเรือแหลมฉบัง 2.มาบตาพุด3.รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน 4.สนามบินอู่ตะเภา และ 5.ศูนย์ซ่อม MRO ซึ่งกำลังเร่งเครื่องตามมาติด ๆ 

“อีอีซีต้องเกิดเพราะเป็นจุดขายใหม่ของไทย สร้างแรงดึงดูดให้กับประเทศไทย ท่านบอกว่าสร้างหนี้เยอะแยะ เพราะสมัยก่อนไม่ได้สร้างไง คำตอบอยู่ที่ว่าหนี้ที่กู้ขึ้นมาลงทุนอะไรจริงจัง สร้างรายได้ในอนาคตได้หรือไม่” 

“สมคิด” อภิปรายลบภาพแจกเงิน-เอื้อทุนใหญ่ในยุคประชารัฐ ช่วง 5 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาล คสช. โดยเฉพาะ “บัตรคนจน” ที่ถูกเขย่ม-เขย่าว่า “เอื้อคนรวย-เจ้าสัว”  

“ผมขอถามท่านหน่อยเถอะ ในช่วงที่ผ่านมา 4-5 ถ้าเป็นธรรมกับรัฐบาล ข้าวราคาตกต่ำ แย่กว่าเพื่อนเพราะมีแรงกดดันจากข้าวในสต็อกมหาศาล ไม่โทษนะครับว่าใครทำอะไรไว้ ใครทำอะไรไว้ก็เป็นกรรมของแต่ละคน”

“ยางพารา สมัยที่อยู่ไทยรักไทย ปลูกยางกันทั้งประเทศ แต่ช่วงที่ผ่านมาไม่มีการเพิ่ม Valued ซับพลายมหาศาล ไปเมืองจีนทีไรขายหน้าทุกที ขอให้จีนซื้อ ๆ ผมไม่พูดง่าย ๆ ว่าขอให้จีนซื้อ แต่ผมจะทำให้จีนต้องซื้อ”

ประยุทธ์ สมคิด นโยบาย สภา

“ท่านบอกว่า สวัสดิการประชารัฐเอื้อคนรวย ผมเรียนพวกท่านตรง ๆ เลยนะครับ พวกเราหลาย ๆ คนเติบโตมาในครอบครัวที่มีฐานะยากจนนะครับ รู้ว่าความจนมันแย่ยังไง”

“ที่พูดมาไม่ได้คุยโม้ โอ้อวด ทุกอย่างประวัติศาสตร์ตัดสินทั้งนั้น ถ้าเป็นสิ่งที่ดีมันจะอยู่และยั่งยืน เมกะโปรเจ็กต์เดินแล้ว ทุกอย่างกำลังไปในจุดที่จะดีก็ได้ ไม่ดีก็ได้ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การทำงานระหว่างรัฐบาลกับสภาจะร่วมกันได้”

ฝ่ายค้าน เพื่อไทย ประท้วง รัฐสภา 07449.jpg

การอภิปรายตลอดทั้งวัน 7 พรรคฝ่ายค้านถล่มร่างนโยบายรัฐบาลว่า ขายฝัน-เลื่อนลอย-โลเล “ทำไม่ได้จริง” แต่ “สมคิด”ขอ “เห็นต่าง”

“หลายคนบอกว่า ไม่แน่ใจว่ารัฐบาลจะทำได้จริงหรือไม่ ผมเจอนักลงทุนทุกวัน เขาถามคำเดียวว่านโยบายเปลี่ยนหรือไม่ รัฐบาลผสมทำงานด้วยกันได้หรือไม่”

“ผมบอกกับเขาว่า คุณไม่เคยเห็นประเทศไทยมีรัฐบาลผสมหรือ เรามีรัฐบาลผสมมาตลอด มีคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ยุคพล.อ.เปรม) ขอให้มั่นใจ ขอให้ไว้ใจซึ่งกันแล้วกัน จะกำกับเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง โปร่งใส” 

“นาทีนี้จุดพลิกผันสำคัญมาก ถ้าผ่านพีเรียดนี้ไป ที่เราอยู่บนจุดที่สูงที่สุดแล้ว ถ้าเราพลาดจุดนี้ไป”

“ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า 3-4 ปีข้างหน้า ถ้าเราร่วมมือกันได้ จะไปได้ดี พวกเราถือว่า โชคดีที่เรามาร่วมกันทำงานในวันนี้ ผมอายุ 66 ร่วม 67 ปีแล้ว ผมไม่ได้อยากจะอยู่ต่อ แต่เมื่อมีโอกาสมาอยู่ตรงนี้ ทำให้กับบ้านเมืองได้ มันก็น่าจะทำร่วมกัน”

การลุกขึ้นอภิปรายของ “สมคิด” ในวันที่ 2 เลือกที่จะขยายจุดด��-ปิดจุดอ่อนในการ“อภิปรายวันแรก” ทั้งความจำเป็นลงทุนมหาศาล โดยเฉพาะโครงการอีอีซี และการถูกจัดอันดับให้ประเทศไทยดีขึ้นในช่วง 5 ปีของรัฐบาล-คสช.

“ประเทศไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนา ถ้าไม่ลงทุนเลย จะเสียโอกาสและเสียจังหวะในการพัฒนา รัฐบาลจึงจำเป็นต้องกู้ยืม การจัดทำงบประมาณสมดุลเป็นเรื่องที่ดี แต่ไม่ดีเสมอไป เพราะการลงทุนเป็นสิ่งจำเป็น”


สมคิด หารือ ประวิตร รัฐบาล รัฐสภา สภา emplate.jpg

ในยุครัฐบาลผสม 19 พรรค 3 ทีมเศรษฐกิจ “สมคิด” จึงไม่ได้คุมกระทรวงเศรษฐกิจทั้งหมด เขาจึงอ้อนวอนไปถึง “พรรคร่วมรัฐบาล” และ “พรรคร่วมฝ่ายค้าน” พูดแทน “เจ้าสัว” ทั้งเซ็นทรัลฯ-ซีพี-ไทยเบฟฯ 

“ต้องให้เกียรติกัน ต้องหากลไกร่วมมือกัน เชื่อว่านักการเมืองทุกคนต้องการให้ประเทศดีทั้งนั้น เพียงแต่ที่ผ่านมาเอาชนะกันมากเกินไป แล้วไปด่าเจ้าสัวเขา”

“คนรวย เขารวยอยู่แล้ว ธุรกิจเขาเกินกว่าเมืองไทยไปแล้ว จะเอาเขามาทำงานให้คนจนได้อย่างไร ที่ใช้ประชารัฐเพราะ ประเทศไทยต้อง 3 กลุ่ม ประชาชน เอกชน ภาครัฐ ต้องเอาเขาเข้ามาช่วย พ่อไม่มาช่วย ลูกก็มาช่วย ท่านก็ว่าเขา”

“เขาต้องการอย่างเดียวคือการเมืองขอให้นิ่ง เราต้องจับเขามาช่วยคนจน เรื่องอะไรปล่อยให้อยู่บนสวรรค์อย่างเดียว เอื้อคนรวย ผมขอปฏิเสธ ไม่มี ทุกโครงการต้องประมูลทั้งนั้น ถ้ามีตรงไหนไม่โปร่งใส แย้งเลย ตรวจสอบเลย ยินดี”

การอภิปรายในวันที่สอง-วันสุดท้าย “ยิ่งดึก-ยิ่งเดือด-ยิ่งเครื่องร้อน”…“สมคิด” ลูบฝ่ายค้านด้วย “น้ำเย็น” ตามสไตล์การบริหารเศรษฐกิจ “การเมืองดี-นิ่ง เศรษฐกิจดี-นักลงทุนเชื่อมั่น”ก่อนจะออกตัวว่าหลายอย่างอยู่ “เหนือการควบคุม”

“หลายสิ่งหลายอย่างที่กล่าวมาในฐานะที่รู้จักกับพวกท่าน (ฝ่ายค้าน) บางคนและเคยทำงานร่วมกัน ความคิดเห็นต่างเป็นไปได้ ไม่มีการโกรธเคืองกัน การเมืองเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าการเมืองดี ทุกอย่างดี”

“ต่างประเทศถามผมคำเดียว นโยบายเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า มีอะไรเปลี่ยนแปลงไหม เขากลัว ไม่มีอะไรง่ายเลย ผมตัดสินใจว่า เห็นใจนายกฯ ช่วงเวลาอย่างนี้อย่าให้เปลี่ยนแปลงมากเกินไป”

“ฝ่ายค้านบอกว่าการลงทุนคำขอไม่มีลงทุนจริง ไม่ได้เกี่ยวกับรัฐบาลเท่าไหร่ เขา (นักลงทุน) มองทีเดียวมองทั้งประเทศ มองเป็น political risk ความเสี่ยงทางการเมือง ใครรับผิดชอบ ทั้งรัฐบาล สภา การเมืองนอกสภา เกี่ยวข้องทั้งนั้น”

“สมคิด” แจ้งเกิดกับไทยรักไทย เป็น “คู่คิด” ทักษิณ ชินวัตร 

แต่เมื่อเกิดการปฏิวัติ 19 ก.ย. 2549 เขากลายเป็น “คู่แค้น” ทักษิณ 

ทำให้ความคิด-อ่านของเขาต่อนักการเมืองรุ่นเพื่อน-รุ่นลูกต่อการเมืองเปลี่ยนไป...“การเมืองไม่มีคู่คิด มีแต่คู่แค้น” 

“คนรุ่นใหม่หลายคน ทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน รู้จักให้เสนอแนะให้แนวความคิดเป็นสิ่งที่ดี บางท่านจำได้เป็นหลานของเพื่อนผมเอง พิธา (ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่) หลานของผดุง (ลิ้มเจริญรัตน์) ใช่ไหม สนิทกันมาก ศิริกัญญา (ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่) ใช่หรือเปล่า”  

ในยุคที่การเมืองแบ่งออกเป็น 2 ขั้ว “ฝ่ายสืบทอดอำนาจ” กับ “ฝ่ายประชาธิปไตย”ทำให้ “สมคิด” สวมบท “มือประสานสิบทิศ” 26 พรรค ทั้งพรรคฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายค้าน สมคิด ประยุทธ์ รัฐสภา ate.jpg

“แต่อย่าเข้าใจผิดการเปลี่ยนทั้งหมด คือ ครม.แค่ 30 กว่าคนทำไม่ได้ ทุกคนต้องช่วยกันโดยเฉพาะ ส.ส.จากทุกพรรค ถ้าหากมัวแต่หยิบ คนนี้จน คนนี้รวย เป็นการเอาความเหลื่อมล้ำมาสร้างให้เกิดภัยการเมืองในอนาคต”

“ดังนั้น เราเปลี่ยนแปลงทุกอย่างขณะนี้ ขอเถอะเริ่มต้นกันใหม่ได้ไหม อย่าพยายามบอกว่า อันนี้ก็ไม่ดี อันนั้นก็ไม่ดี เราอยากฟังอันนี้มีจุดบกพร่อง ทำแบบนี้ได้ไหม”

“ผมขอความกรุณา ผมเป็นคนไม่มีพรรค มีแต่พวก ทีแรกบอกผมสามมิตร ผมไม่ใช่สามมิตร ผมมวลหมู่มหามิตรกับคนที่ต้องการทำงานเพื่อประเทศ มีอะไรไปนั่งคุยกัน มีอะไรให้ปรองดองกันร่วมมือกัน”

คำอภิปรายของหัวหน้าทีมเศรษฐกิจสะท้อนถึง “รัฐบาลแห่งชาติ” ในยุค “พล.อ.ประยุทธ์” กำลังเทียบชั้น “ป๋าเปรม”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง