วันนี้ (11 กันยายน 2568) นายชูศักดิ์ ศิรินิล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.)แบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย สส.พรรคเพื่อไทย แถลงที่รัฐสภาฯ ยืนยันเดินหน้าผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แม้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยที่กำหนดขั้นตอนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้ซับซ้อนขึ้น โดยชี้ว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีบางประเด็นที่ยังเป็นข้อถกเถียง โดยเฉพาะการวินิจฉัยว่ารัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ได้โดยตรง ซึ่งถือเป็นการปฏิเสธหลักการสำคัญที่ประชาชนในฐานะเจ้าของอำนาจอธิปไตยควรมีสิทธิเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญด้วยตนเอง ทำให้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีความยุ่งยากซับซ้อนมากขึ้น สำหรับสาระสำคัญของคำวินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญระบุว่า รัฐสภามีอำนาจริเริ่มการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ แต่ต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติเพื่อให้ความเห็นชอบก่อนว่าจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ อีกทั้งการจัดทำรัฐธรรมนูญต้องเป็นไปตามหมวด 15 ว่าด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ และต้องทำประชามติ 3 ครั้ง ครั้งแรก เพื่อตัดสินใจว่าประชาชนเห็นสมควรให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ครั้งที่สอง เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับวิธีการและเนื้อหาสำคัญของรัฐธรรมนูญใหม่ และครั้งที่สาม หลังรัฐสภาจัดทำร่างเสร็จ ให้จัดทำประชามติเพื่อถามประชาชนว่าเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตให้การออกเสียงประชามติครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 สามารถทำควบรวมได้

นายชูศักดิ์ ย้ำ พรรคเพื่อไทยแม้จะตระหนักถึงอุปสรรคและขั้นตอนที่เพิ่มขึ้น แต่ในฐานะที่เป็นผู้ริเริ่มและผลักดันการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่มาโดยตลอด ยังคงยืนยันเดินหน้าต่อไป โดยเห็นว่าจำเป็นต้องแก้ไขหมวด 15 ให้รัฐสภาพิจารณา 3 วาระ และนำไปทำประชามติตามมาตรา 256(8) ทั้งนี้ แม้ศาลจะไม่เปิดทางให้มี ส.ส.ร.จากการเลือกตั้งโดยตรง พรรคเพื่อไทยเสนอทางเลือกให้สามารถมี ส.ส.ร.ทางอ้อม โดยให้รัฐสภาแต่งตั้ง ส.ส.ร. หรือจัดตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาดำเนินการ ส่วนวิธีการใดจะเหมาะสมที่สุด พรรคจะตั้งคณะทำงานพิจารณารายละเอียดก่อนยื่นเสนอแก้ไขหมวด 15 ต่อรัฐสภา สำหรับการออกเสียงประชามติ พรรคเห็นว่าควรมี 2 คำถามสำคัญ คือ 

1.เห็นสมควรให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และ 

2.เห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่ 

โดยคาดว่าพรรคเพื่อไทยจะยื่นเสนอแก้ไขหมวด 15 ได้เร็วที่สุดภายในสัปดาห์หน้า