นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย แฟนเพจเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ว่า
ผมเรียกร้องผ่านสื่อหลายรอบ ให้พรรคสีน้ำเงินกับสีส้มเข้าชื่อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15/1 เป็นร่างเดียวกัน เพื่อให้หลักประกันกับประชาชนว่า 2 พรรคที่ตกลงกันตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย มีเจตจำนงค์ร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญตาม MOA
ถ้าส้มกับน้ำเงินเสนอร่างเดียวกันก็จะเป็นร่างหลักในชั้นกรรมาธิการ โอกาสผ่านในชั้นสว.ก็สูง ไม่ใช่ต่างคนต่างเสนอแล้วมามีปัญหาเรื่องที่มาสสร. ซึ่งสูตรพรรคสีน้ำเงิน ถูกวิจารณ์ว่าตัดประชาชนออกจากสมการ มีแนวโน้มจะได้สสร.สีน้ำเงินไปร่างรัฐธรรมนูญสีน้ำเงิน
ไม่เข้าใจว่าทำไมพรรคน้ำเงินกับส้มถึงไม่ทำ ทั้งที่เรื่องนี้น่าจะเป็นข้อต่อรองที่ส้มกดน้ำเงินให้ตกลงได้ก่อนเซ็น MOA
ผมเฝ้าดูวันแถลงนโยบายนายกฯย้ำชัดเรื่องยุบสภา แต่แก้รัฐธรรมนูญพูดผ่านๆ บอกว่า MOA เป็นเรื่อง 2 พรรค ส่วนสว.หรือพรรคอื่นไม่เกี่ยว ใครคิดอย่างไรเป็นอิสระ พรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้ไปคุยกับสว.ก็อ้างว่าเป็นกับดัก ทำไม่ได้ จะขัดรัฐธรรมนูญ แม้แต่ไอติม พรรคสีส้มก็พูดทำนองนี้ แต่นายกฯก็เฉย
เรื่องรัฐธรรมนูญ ผมฟันธงว่าฝ่ายอนุรักษ์นิยมไม่อยากแก้ ยิ่งนายกฯมีท่าทีแบบนี้อนาคตรัฐธรรมนูญใหม่ก็แขวนบนเส้นด้าย ร่างแก้หมวด 15/1 มีแนวโน้มคว่ำในวาระ 3 หรือถ้ารอดไปถึงประชามติ หากมีการใส่เรื่อง MOU 43,44 เข้าไปในสถานการณ์ที่แนวทางชาตินิยมเป็นกระแสสูง พลังอนุรักษ์นิยมที่เพิ่งได้อำนาจรัฐและกินรวบอำนาจเบ็ดเสร็จจะติดลมบนตามไปด้วย คาดว่าผลประชามติผลจะยกเลิก MOU แต่ไม่แก้รัฐธรรมนูญ
มุมน้ำเงินจะอธิบายความสำเร็จตาม MOA ที่การยุบสภาใน 4 เดือน ส่วนแก้รัฐธรรมนูญ+ประชามติสำเร็จหรือไม่ เขาจะอธิบายว่าเป็นเรื่องที่ไม่สามารถกดดันกัน ใครจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ได้
น้ำเงินได้เต็มข้อ ส่วนคนไทยไปเสี่ยงเอาข้างหน้า