นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายนโยบายรัฐบาล ระบุว่า สิ่งที่ตนจะพูดต่อไปไม่ได้มีอคติต่อใครทั้งสิ้น และในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ก็ทราบดีว่า สมควรจะพูดหรือไม่พูดอะไร
แต่ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 141 ระบุว่าสมาชิกรัฐสภามีสิทธิที่จะซักถามและอภิปรายทั้งในส่วนที่เป็นการสนับสนุน และคัดค้านในเรื่องความเหมาะสมของนโยบายและความสามารถที่จะบริหารราชการแผ่นดินให้สำเร็จตามนโยบาย
แต่อย่างไรก็ตามการอภิปรายครั้งนี้อาจจะกระทบไม่ว่าจะทั้งโดยตรงหรือโดยอ้อม กับบุคลากรที่อยู่ในห้องประชุมแห่งนี้ แต่ตนก็ไม่ทราบว่าหากไม่พูดที่นี่แล้วจะไปพูดที่ไหน ซึ่งสิ่งที่จะพูดคือประเด็นการฮั้ว สว.
“ผมมีข้อสงสัยว่าบุคลากรตั้งแต่นายกรัฐมนตรีเป็นต้นไป ทั้งหมดที่นั่งเรียงลำดับอยู่ข้างบน จากประสิทธิประสาทระบบยุติธรรมนิติรัฐให้แก่ชาติบ้านเมืองได้อย่างไร”
นายอดิศร กล่าวต่อว่า ประเด็นเรื่องการฮั้ว สว. นั้น ร้ายแรงและน่ากลัวกว่าที่พวกเราได้ยินข่าว เพราะ สว. มีอำนาจในการกลั่นกรองกฎหมาย มีอำนาจในการคัดเลือกบุคลากรองค์กรอิสระ
“ในการเลือกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่ง มีผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายท่านหนึ่งไม่ได้รับเลือก กลับไปเอาอธิบดีกรมทางหลวงไปเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องนี้จำเป็นต้องพูดเพราะว่าเดี๋ยวประชาชนจะไม่เข้าใจ และ กกต. ก็ได้แจ้งความท่านทั้งหมด 229 คน ถือเป็นพรรคการเมืองใหญ่ ซึ่งถูกทำคลอดจากพรรคฝ่ายค้านมาเป็นนายกรัฐมนตรี”
“มีคณะรัฐมนตรีที่ถูกกล่าวหา และมีสมาชิก 140 คนอยู่ตรงนี้ที่ถูกกล่าวหาจากคณะกรรมการการยุติธรรม และผมไม่เคยเห็นว่าจะมีคณะกรรมการยุติธรรมในคดีใดจะสามัคคีกันขนาดนี้ เพราะมีทั้งกกต. ดีเอสไอ อัยการ และมีพนักงานสอบสวนของตำรวจ สี่องค์กรจับมือกันสืบสวนสอบสวน เพราะคดีอย่างนี้มันต้องใช้คนมือชั้นเซียน ข้อเท็จจริงถึงจะปรากฏ”
“ผลการเลือกที่ออกมาก็พบว่ามีการเลือกกันแบบซ้ำกันเป๊ะเป๊ะ นักสถิติก็บอกว่าถ้ามันตรงกันเป๊ะเป๊ะอย่างนี้ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มันเป็นการจัดตั้ง มันเป็นโพยเลือกตั้งจริงๆ ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง 33 ครั้งติดต่อกันก็ยังไม่เป๊ะขนาดนี้”
“ในมือผมนี่คือบันทึกการแจ้งและรับทราบข้อกล่าวหา มีการระบุจุดเริ่มต้นว่าเกิดขึ้นที่พรรคการเมืองใกล้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีการเริ่มต้นเสนอแผน มีการวางแผนแล้วก็นำเสนอ มีการพิจารณาเข้าสู่ในที่ประชุมใหญ่ มีการนัดแนะกันจนได้ ส.ว. มีการประชุมกันที่โรงแรมใด ข้อมูลมีอยู่ในเอกสารให้หมด
รายชื่อทั้งหมดที่อยู่ในคดี ก็เป็นรายชื่อเดียวกันกับที่นั่งสลอนอยู่ข้างหน้า เป็นผู้ถูกกล่าวหาทั้งนั้น นายกรัฐมนตรีเป็นชื่อเดียวกันกับผู้ถูกกล่าวหาอันดับที่ 187 ชื่ออนุทิน ชาญวีรกุลเหมือนกัน
ผมก็สงสัยว่าอนุทิน 187 นี้ เป็นอนุทินเดียวกันกับที่เป็นนายกรัฐมนตรีหรือเปล่า ถ้าเป็นคนเดียวกันจะไว้วางใจได้อย่างไรว่า จะไม่มีการแทรกแซง 4 เดือนที่ท่านเข้ามาอาจจะไม่ใช่การยุบสภา แต่ผมเข้าใจว่าท่านจะเข้ามายุบคดีนี้ เพราะถ้าผลการสืบสวนสอบสวนออกมาโดยละเอียด ท่านจะถูกยุบพรรค กรรมการบริหารพรรค และคณะรัฐมนตรีทั้งหมดนี้จะต้องถูกตัดสิทธิไป”
“ที่ท่านเขียนว่าท่านจะยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยนั้น ผมไม่เชื่อเพราะอำนาจวุฒิสภานั้น ท่านปล้นมา เอาแบบนี้แล้วกัน แบบลูกผู้ชาย ท่านนายกรัฐมนตรีท่านลุกขึ้นมาพูดเลยว่าท่านจะไม่แทรกแซง ดีเอสไอ กกต. อัยการ และหากศาลฎีกาจะตัดสินเรื่องนี้ ท่านก็ต้องบอกท่านบวรศักดิ์ว่าอย่ามายุ่ง แล้วก็ต้องบอกเรารัฐมนตรียุติธรรมจากบุรีรัมย์อย่ามายุ่งเรื่องนี้ได้ไหม”
ทั้งนี้มีสมาชิกวุฒิสภาได้ประท้วงขอให้ถอนคำพูดที่ระบุว่าปล้นมา อดิศรได้ถอนคำพูดดังกล่าวและขอใช้คำว่า “สมคบกันมาอย่างละเอียดละออ” แทน
นอกจากนี้อดิศรยังกล่าวว่า สิ่งที่ตนตั้งคำถามในการอภิปรายนโยบายรัฐบาลในครั้งนี้คือเรื่องความไม่มั่นใจในการบริหารราชการแผ่นดินของท่านนายกรัฐมนตรีชื่ออนุทิน เนื่องจากมีชื่ออนุทิน 187 ที่ถูกดีเอสไอเรียกไปสอบปากคำคดีฮั้ว สว. ด้วย และนอกจากรายชื่อนี้ยังมีอีกหลายรายชื่อ ซึ่งถ้าพูดออกมาทั้งหมดก็คาดว่าสภานี้คงลุกเป็นไฟ เมื่อเป็นเช่นนี้จะให้ตนไว้วางใจให้คณะรัฐมนตรีชุดนี้เข้ามาบริหารราชการแผ่นดินแม้แต่ 1 วินาทีได้อย่างไร
อำนาจหน้าที่ของวุฒิสภานั้นยิ่งใหญ่ และที่ผ่านมาได้มีการสมคบคิดกระทำการจนสำเร็จไปแล้ว ถือว่ามีความผิด 1,000,000% เพราะมีหลักฐานที่แน่นหนามาก
''ท่านประธานอย่าตกใจนะครับ ท่านเองชื่อมงคล สุรสัจจะ ท่านก็มีรายชื่ออยู่อันดับที่สามครับ''
''ส่วนรัฐบาลชุดนี้ ผมเสียดายที่ พรรคเพื่อน พรรคน้องผม ไปค้ำได้อย่างไร ผมเห็นแล้วรู้สึกว่ามันไม่ได้ ให้อยู่หนึ่งวันก็ไม่ได้ ซื่อสัตย์สุจริต ศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย สำหรับผมไม่มี แต่ก็ดีใจที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีซักสองสามวันก็ยังดีหนูเอ๋ย''
“พฤติกรรมฮั้ว สว. หลักฐานรอพิพากษา งุบหงิบอำนาจวุฒิสภา อนุทิน ชาญวีรกุล หวย 187 ขอกราบขอบพระคุณ” อดิศร เพียงเกษ กล่าว