วันนี้ (24 กันยายน 2568) นายอภิชาติ ตีรสวัสดิชัย ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยนายปรีติ เจริญศิลป์ รองประธาน นายเอกพร รักความสุข กรรมาธิการ พร้อมคณะ แถลงข่าวถึงการทำงานเชิงรุกของ กมธ. ภายใต้การนำของนายอภิชาต ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธาน กมธ.คนใหม่ ว่า ที่ประชุม กมธ.มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ตรวจสอบ 4 ประเด็นสำคัญที่ประชาชนให้ความสนใจและถือเป็นวาระเร่งด่วนของประเทศ โดยเฉพาะกรณีถนนทรุดตัวหน้าโรงพยาบาลวชิระพยาบาล ซึ่งเชื่อมโยงกับการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน โดย กมธ.เตรียมเชิญผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารจัดการสัญญาโครงการของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และผู้รับเหมาหลัก รวมถึงผู้รับเหมาช่วง มาชี้แจง โดยเน้นตรวจสอบสัญญาการก่อสร้างรถไฟฟ้าทั้งระบบ ความรับผิดชอบของผู้ได้รับสัญญาและผู้รับเหมาช่วง บทบาทของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง และกระบวนการตรวจสอบควบคุมคุณภาพงานก่อสร้าง
นอกจากนี้ กมธ.ยังตรวจสอบปัญหาการครอบครองที่ดินเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ แม้ศาลฎีกาจะมีคำพิพากษาแล้ว แต่ที่ดินเหล่านี้ยังไม่ได้ถูกยึดคืน โดย กมธ.จะเชิญหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ ปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมที่ดิน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย สำนักงานอัยการสูงสุด เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ และนายอำเภอบุรีรัมย์มาให้ข้อมูล พร้อมให้คำมั่นว่า กมธ.จะดำเนินการให้ถึงที่สุด และจะมาชี้แจงถึงสาเหตุของปัญหาดังกล่าวต่อสาธารณะ และตรวจสอบการออกโฉนดที่ดินบริเวณโรงแรมเทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ ซึ่งเป็นการติดตามผลจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่เคยมีมาในสมัยที่ผ่านมา โดย กมธ.จะเจาะลึกกระบวนการออกโฉนดและตรวจสอบความถูกต้องตามกฎหมาย รวมทั้งตรวจสอบโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ เพื่อให้แน่ใจว่าการใช้งบประมาณเป็นไปอย่างโปร่งใสและคุ้มค่า
นายอภิชาติ กล่าวเพิ่งเติมถึงกรอบการทำงานจากนี้ว่า จะแยกแยะประเด็นตามลำดับความสำคัญ สำหรับเรื่องระดับเล็กกลางอย่างความไม่เห็นพ้องต้องกันหรือทะเลาะวิวาทในเรื่องทุจริตระดับเล็กน้อย หรือเรื่องส่วนบุคคลที่ไม่จำเป็นต้องให้กรรมาธิการลงลึกพิจารณา จะมอบให้อนุกรรมาธิการรับเรื่องและประสานงานกับหน่วยงานรัฐโดยตรง ส่วนเรื่องระดับหนักร้ายแรงอย่างคดีที่ยังค้างคาใจและไม่มีความชัดเจน หรือประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อประเทศชาติ กมธ.จะติดตามและเชิญหน่วยงานรับผิดชอบมาชี้แจงโดยตรง โดยมีเป้าหมายการทำงาน หลัก คือ ให้ความเป็นธรรมแก่ประชาชน ภายใต้หลักการไม่ปล่อยให้ใครทุจริตแล้วรอดไปได้ โดยจะมีการแถลงข้อมูลความคืบหน้าของทุกประเด็นให้ประชาชนทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในระบบการตรวจสอบถ่วงดุลของรัฐสภา