นายวุฒิภูมิ จุฬางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์แอร์ไลน์) กำลังประสบปัญหาขาดทุน แม้ยอมรับว่าเป็นผลจากการจัดเก็บค่าโดยสารที่ต่ำกว่าต้นทุนจากการแข่งขันของอุตสาหกรรม แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบินที่เพิ่มขึ้น จาก 0.20 บาทต่อลิตร เป็น 4.726 บาทต่อลิตรเมื่อปี 2560 ทำให้บางสายการบินต้องทำการลดเที่ยวบิน หรือต้องหยุดบินในบางเส้นทางลง ซึ่งในส่วนของนกแอร์ขณะนี้ได้ยกเลิกเส้นทางบิน ทั้ง น่าน ร้อยเอ็ด นครพนมไปแล้ว ดังนั้นจึงอยากให้ภาครัฐเข้ามาดูแลเพิ่มเติม โดยเฉพาะประเด็นการลดภาษีน้ำมันลง รวมถึงการสนับสนุนประเด็นการใช้บริการสนามบินด้วย
อย่างไรก็ตามผู้บริหารสายการบินนกแอร์ ประเมินว่า แม้จะไม่มีสายการบินที่ต้องยกเลิกกิจการจากประเด็นดังกล่าว แต่หากราคาน้ำมันปรับขึ้นก็เป็นเรื่องที่ยากในการทำธุรกิจ ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ที่จะต้องลดเที่ยวบิน หรือหยุดบินในบางเส้นทางเพิ่ม โดยเป็นปกติของการธุรกิจ หากเห็นว่าไม่คุ้มทุนในการดำเนินการ
ส่วนประเด็นที่มีการระบุว่า หากสายการบินโลว์คอสต์จะลดเที่ยวบินหรือหยุดบินก็ไม่เป็นไรนั้น เนื่องจากมีการบินไทยบินอยู่ ผู้บริหารนกแอร์ ระบุว่า การบินไทยมีเส้นทางการบินเฉพาะตามหัวเมืองใหญ่ เช่น ภูเก็ต หาดใหญ่ เชียงใหญ่ ในขณะที่เส้นทางจังหวัดเมืองรองต่างๆการบินไทยไม่ได้บิน ที่ผ่านมาภาครัฐเป็นผู้ร้องขอให้สายการบินโลว์คอสต์เปิดเส้นทางการบินในเมืองรอง และเกือบทั้งหมดในเส้นทางดังกล่าวประสบปัญหาขาดทุน เนื่องจากไม่มีผู้ใช้บริการ ดังนั้นจึงอยากให้ภาครัฐพิจารณาในประเด็นนี้ด้วย
ขณะที่ในวันพรุ่งนี้(20พ.ย.62) เวลา 13.30 น. อธิบดีกรมสรรพสามิต พร้อมผู้บริหารกรมสรรพสามิต ได้มีการเรียกประชุมผู้แทนสายการบิน และผู้ผลิตน้ำมันเครื่องบิน เพื่อหารือถึงแนวทาง และความเป็นไปได้ในการพิจารณาปรับลดอัตราภาษีน้ำมันเครื่องบิน ที่กรมสรรพสามิต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
