มาริษ เสงี่ยมพงษ์ อดีตฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เผยผ่านสื่อโซเชียลมีเดียวันนี้ (3 ตุลาคม 2568) ว่า ผม และคุณชยิกา วงศ์นภาจันทร์ อดีตที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้รับเชิญจากนายโอตากะ มาซาโตะ เอกอัครราชทูต ญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ไปร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูต และได้คุยกันในหลายๆ เรื่อง อาทิเช่น ปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา
ซึ่งผมได้เน้นย้ำตามแนวทางการชี้แจงของผมต่อประชาคมโลก มิตรประเทศของไทย และองค์การระหว่างประเทศในช่วงที่ผมดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาโดยตลอด ตั้งแต่เกิดความขัดแย้งระหว่างกัน โดยได้ยืนยันความชอบธรรมของประเทศไทยในการปกป้องอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดน ได้ย้ำถึงการดำเนินมาตรการต่างๆ ของไทยที่เป็นไปตามกฏบัตรสหประชาชาติ ที่ต้องรักษาสิทธิในการป้องกันตนเอง อยู่ภายใต้กฏหมายระหว่างประเทศ และกฏหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ เห็นได้ชัดว่าการปฏิบัติการทางทหารของไทยจำกัดวงอยู่ในเป้าหมายทางทหาร ในขณะที่กัมพูชาได้ละเมิดกฏหมายระหว่างประเทศ และกฏหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ด้วยการโจมตีประเทศไทยก่อน โดยมีเป้าหมายพลเรือน มีการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และจนถึงขณะนี้กัมพูชายังคงใช้สงครามข่าวสารบิดเบือนข้อเท็จจริง ใช้โล่ห์มนุษย์กดดัน และละเมิดอำนาจอธิปไตยของไทยอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม ไทย และกัมพูชามีชายแดนติดต่อกัน ไม่สามารถแยกจากกันได้ รัฐบาลชุดปัจจุบันจึงจำเป็นที่จะต้องหาทางแก้ไข และปรับปรุงสถานการณ์ให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติให้ได้ เพื่ออนุชนรุ่นหลัง และลูกหลานของเรา
ยิ่งไปกว่านั้น ในกรอบของประชาคมอาเซียนประเทศไทยซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง และมีบทบาทสำคัญในพัฒนาการของประชาคมอาเซียน จากความขัดแย้งทางการเมืองในช่วงสงครามเย็น จนก้าวข้ามความขัดแย้งเข้าสู่การพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และสังคมจนกลายเป็น “ประชาคมอาเซียน“ ได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นความขัดแย้ง และความรุนแรงระหว่างไทยกับกัมพูชาจะไม่เป็นผลดีต่อกระบวนการพัฒนาของประชาคมอาเซียนในอนาคต
นอกจากนี้ ผม และคุณชยิกาฯ ยังได้พูดคุยกับท่านทูตญี่ปุ่นในประเด็นเรื่องโครงสร้างการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทยมีปัญหา กล่าวคือเครื่องมือ และกลไกการตรวจสอบ การถ่วงดุลอำนาจของฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติ ตามระบอบประชาธิปไตยถูกแทรกแซงโดยการใช้ “นิติสงคราม” ทำให้ระบบการปกครองประเทศผิดเพี้ยน ฝ่ายบริหารไม่สามารถใช้เครื่องมือการตรวจสอบ และถ่วงดุลอำนาจได้อย่างอิสระ รัฐบาลจึงไม่สามารถบริหารประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งมีการใช้กฏหมายอย่างไม่เป็นธรรมกับบุคคลที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม ทำให้กระบวนการยุติธรรมบิดเบี้ยว มีปัญหา ซึ่งทั้งหมดนี้จำเป็นต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน ด้วยการปรับแก้ หรือยกร่างกฏหมายรัฐธรรมนูญเสียใหม่ครับ