ไม่พบผลการค้นหา
‘ฐิติมา’ สับนโยบายเกษตรฯ รัฐบาลอนุทิน เขียนว่าจะยกระดับเทคโนโลยี เพิ่มทักษะ แต่ถามจริงว่า แล้ว 2 ปีที่ผ่านมา พรรคกล้าธรรมก็ดูแลกระทรวงเกษตรมาทำไมไม่ทำ 2 ปียังทำไม่ได้ นี่ 4 เดือนจะทำอะไรได้

นางฐิติมา ฉายแสง ร่วมอภิปรายในการแถลงนโยบายรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล ถึงนโยบายด้านการเกษตรซึ่งแทบจะไม่ได้พูดถึง ปรากฏคำว่า “เกษตร” นับคำได้ ทั้งที่เกษตรอยู่คู่คนไทย 67 ล้านคน มีเกษตรกรมากกว่า 30 ล้านคน ซึ่งนั้นหมายความว่า รัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล ไม่ให้ความสำคัญกับเกษตรกรเท่าที่ควรทั้งที่เป็นรากฐานเศรษฐกิจของประเทศ

การดำเนินงานของกระทรวงเกษตรฯ ภายใต้รัฐมนตรีพรรคกล้าธรรม ต้องถามว่าที่ผ่านมาเคยมีผลงานอะไรชัดเจนบ้าง ราคาข้าวไม่ได้รับการดูแล เกษตรกรต้องลำบาก ขาดทุน เป็นหนี้สินท่วมหัว

ผลผลิตข้าวต่อไร่ก็ยังต่ำ ไม่มีการพัฒนาความรู้ ต้นทุนปุ๋ย ค่าน้ำมัน ค่าแรงงานก็สูงขึ้นทุกปี ซึ่งนี่คือบทเรียนที่สะท้อนว่า เมื่อรัฐบาลอนุทินพูดว่าจะมาช่วยยกระดับเกษตรภายใน 4 เดือน เราจึงต้องถามว่า — จะทำได้จริงหรือ?

เมื่อปี 2553 เกษตรกรขายข้าวได้ตันละ 9,520 บาท แต่วันนี้ 2568 ราคาข้าวเฉลี่ย 9,500-10,000 บาท และที่น่าเจ็บปวดกว่านั้น ราคาข้าวนาปรังในหลายพื้นที่เหลือเพียง 5,000 กว่าบาทต่อเกวียนต่ำกว่าราคาเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ถามว่าเกษตรกรจะอยู่อย่างไร

นางฐิติมากล่าวต่อว่าวันนี้นโยบายเกษตรกร อยู่ในความดูแลของพรรคกล้าธรรม เขียนว่าจะมาช่วยยกระดับเทคโนโลยี เพิ่มทักษะ แต่ถามจริงว่า แล้ว 2 ปีที่ผ่านมาพรรคกล้าธรรมก็ดูแลกระทรวงเกษตรมาแล้วทำไมไม่ทำ 2 ปียังทำไม่ได้ นี่ 4 เดือนจะทำอะไรได้

นอกจากนี้ นางฐิติมา ได้กล่าวถึงข้อเสนอว่าในช่วง 4 เดือนนี้รัฐบาลคงไม่สามารถทำเรื่องใหญ่อะไรได้เช่นจะมาทำระบบชลประทาน ปลดหนี้เกษตรกรคิดว่าคงทำไม่ได้ แต่ขอเสนอเรื่องใกล้ตัว ในรอบนาปรังปี 67-68 มีเกษตรกรถูกตัดสิทธิเงินช่วยเหลือไร่ละ 1000 บาทไม่เกิน 10 ไร่รวม 10000 บาท เงินหมื่นบาทมีความสำคัญกับชีวิตของเขาท่ามกลางราคาเกษตรตกต่ำ  เกษตรกรเหล่านี้ ถูกตัดสิทธิเพราะเขาปลูกข้าวนาปรังที่เร็วกว่าช่วงระยะเวลาที่รัฐกำหนดเช่น เขากำหนดให้ 1 พ.ย.-31 มี.ค. ถ้าปลูกช่วงนี้จะได้รับเงินช่วยเหลือ แต่ปรากฏว่าวิถีชีวิตชาวนาเขาเริ่มหว่านข้าวก่อน 1 พ.ย. ซึ่งจะหว่านเดือน ก.ย. หรือ ต.ค. ปรากฏว่าเกษตรกรนี้ไม่ได้เงิน จึงมีคำถามว่า เขาหว่านข้าวก่อนและลงทะเบียนเกษตรกรเหมือนกันแต่กลับไม่ได้เงิน ทั้งที่ผลผลิตเขางอกเงยช่วงเวลาที่รัฐกำหนด ดังนั้น ชาวนาที่เขาปลูกข้าวนาปรังเหล่านี้ จะไปพึ่งใครได้

“ดิฉันไม่ได้มาพูดเพื่อเอาชนะทางการเมือง แต่ดิฉันพูดแทนประชาชน ว่ารัฐบาลอนุทินจะเลือกปล่อยให้ 4 เดือนสุดท้ายสูญเปล่า หรือจะทำสักเรื่องหนึ่งให้สำเร็จ เพื่อพิสูจน์ว่ายังยืนอยู่เคียงข้างประชาชนจริง ๆ” นางฐิติมา กล่าว