ประเทศไทยพิสูจน์ให้โลกเห็นอีกครั้งว่า ความมั่งคั่งของมรดกทางวัฒนธรรมไม่ใช่เพียงสมบัติทางจิตวิญญาณที่ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น แต่คือพลังที่สามารถต่อยอดเศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างจับต้องได้ กลายเป็นเสน่ห์ที่ Netflix มองเห็น

Netflix มั่นใจศักยภาพทุ่มงบกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6,500 ล้านบาท) เดินหน้าผลิตผลงานในประเทศไทยต่อเนื่อง ไม่เพียงสร้างหนังและซีรีส์ แต่คือการยกระดับไทยสู่ศูนย์กลางคอนเทนต์เอเชีย

ที่ผ่านมา Netflix ผลิตออริจินอลในไทยกว่า 20 เรื่อง โดย 15 เรื่องติด Global Top 10 (Non-English) ยอดชมรวมกว่า 750 ล้านชั่วโมง และสร้างงานให้คนทำหนังไทยกว่า 13,500 ตำแหน่ง สะท้อนถึงพลังของระบบนิเวศที่แข็งแรงและการสนับสนุนจากภาครัฐ

รัฐบาลหนุนเต็มที่ ไทยตั้งเป้าให้อุตสาหกรรมสร้างสรรค์เป็นกลไกเศรษฐกิจ สร้างงาน 20 ล้านตำแหน่ง และมูลค่ากว่า 1.23 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีมาตรการ Cash Rebate สูงสุด 30% ดึงกองถ่ายต่างชาติเข้ามาลงทุน เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนถึงท่องเที่ยว โรงแรม ขนส่ง และแรงงานท้องถิ่น ครึ่งปีแรก 2568 มีหนังต่างประเทศถ่ายทำในไทยแล้ว 12 เรื่อง สร้างรายได้กว่า 1,956 ล้านบาท คาดทั้งปีทะลุ 4,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 50% จากปีก่อน

Ecosystem ที่ครบเครื่อง นอกจาก Cash Rebate ไทยยังมีมาตรการเสริม เช่น ยกเว้นค่าธรรมเนียมบางพื้นที่ราชการ, ระบบ One Stop Service, การเข้าถึงทุนสนับสนุน และการส่งเสริมเผยแพร่ผลงานในเวทีโลก ทำให้ไทยไม่ใช่แค่ “โลเกชันสวย” แต่คือ ระบบนิเวศหนังครบวงจร ที่รองรับโปรดักชันระดับโลก

Netflix จึงเลือกไทย ไม่เพียงเพราะภูมิประเทศและวัฒนธรรม แต่เพราะความพร้อมทั้งโครงสร้าง นโยบาย และบุคลากร ขณะเดียวกัน คนทำงานไทยก็ได้โอกาสเรียนรู้มาตรฐานสากล สร้างงานและรายได้ พร้อมเห็นวัฒนธรรมไทยโลดแล่นบนสตรีมมิงระดับโลก

“นี่ไม่ใช่แค่การลงทุนในหนัง แต่คือการลงทุนในความฝันของทั้งอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย” THACCA ภายใต้การขับเคลื่อนของคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ พร้อมผลักดันอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ไทยให้ก้าวไกลสู่สากล