ไม่พบผลการค้นหา
นับตั้งแต่โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตลาดทุนและเศรษฐกิจโลกก็ผันผวนอย่างมาก จนหักปากกาเซียนของนักวิเคราะห์หลายสำนัก นักวิเคราะห์จึงสร้างดัชนีชี้วัดความผันผวนของตลาดทุนที่เกิดขึ้นจากการทวีตของทรัมป์

นักวิเคราะห์จากธนาคารเจพีมอร์แกน เชสได้สร้างดัชนีชี้วัดผลกระทบของทวีตจากโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มีต่อตลาดทุนของสหรัฐฯ เรียกว่า “ดัชนี Volfefe” (อ่านว่า โวลฟีฟี) มาจากคำว่า volatility ที่แปลว่า ความไม่แน่นอน และ covfefe ซึ่งเป็นคำที่ทรัมป์พิมพ์ผิดในทวิตเตอร์จนถูกล้อเลียนไปทั่วโซเชียลมีเดีย

ดัชนี Volfefe ชี้ให้เห็นว่า ตามสถิติแล้ว ทวีตของทรัมป์มีผลกระทบต่อพันธบัตรรัฐบาลอย่างมีนัยสำคัญ และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วย โดยดัชนีนี้ระบุว่า จำนวนทวีตของทรัมป์ที่มีผลกระทบต่อตลาดเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่านมา โดยทวีตที่กระทบตลาดมักมีคำว่า จีน, ล้าน, ผลิตภัณฑ์, เดโมแครต, ยอดเยี่ยม เป็นต้น

จอช ยังเกอร์ และมูเนียร์ ซาเลม นักวิเคราะห์ที่ทำดัชนี Volfefe ระบุว่า การค้าและนโยบายการเงินกลายมาเป็นประเด็นที่ฝ่ายบริหารให้ความสำคัญ ทรัมป์ก็มักทวีตข้อความอารมณ์สบายๆ ไปจนถึงนโยบายที่เป็นทางการถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกในเวลาพร้อมๆ กันผ่านทางทวิตเตอร์ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นหุ้นหรือผลิตภัณฑ์มหภาคก็มักเปลี่ยนแปลงไปตามทวีตของประธานาธิบดีสหรัฐฯ

จากการวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกน เชส นับตั้งแต่ปี 2016 ที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทรัมป์ทวีตข้อความเกือบทุกวัน และทวีตข้อความจำนวนมากเฉลี่ย 10 ทวีตต่อวัน และมักจะทวีตช่วงเที่ยงถึง 14.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นช่วงกึ่งกลางเวลาของตลาดหุ้นพอดี นอกจากนี้ ทรัมป์ยังมักทวีตช่วงเวลา 3.00 น.มากกว่าช่วง 15.00 น. เสียอีก และช่วงเวลาที่ทรัมป์ไม่ค่อยทวีตคือช่วง 05.00 - 10.00 น. ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นช่วงที่ทรัมป์นอนหลับ

บทวิเคราะห์ยังระบุว่า ช่วงที่ทรัมป์ทวีตน้อยที่สุดเพียง 5 ทวีตต่อวันเป็นช่วงก่อนที่เขาจะเข้าสาบานตนเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ แต่เมื่อเข้าสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในปี 2017 แล้ว ทรัมป์ได้ทวีตข้อความกว่า 10,000 ทวีต และมีการทวีตมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ช่วงปลายปี 2018 ที่ผ่านมา และยิ่งทวีตเยอะมากในช่วงเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ทรัมป์พูดถึงสงครามการค้ากับจีนและธนาคารกลางของสหรัฐฯ บ่อยๆ

การวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนพิจารณาอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลในช่วง 5 นาทีหลังจากที่ทรัมป์ทวีต และดัชนีแสดงให้เห็นความเป็นได้ในช่วง 1 เดือนว่ามีผลกระทบต่อตลาดจริง หากดูที่อนุพันธ์อัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นธุรกรรมที่คู่สัญญาตกลงแลกเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยคงที่กับอัตราดอกเบี้ยลอยตัว หรือที่เรียกว่า Swaptions ก็จะเห็นผลกระทบของทวีตทรัมป์อย่างชัดเจน โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลระยะ 2 ปี และ 5 ปีที่จะได้รับผลกระทบมากกว่าพันธบัตรรัฐบาลแบบ 10 ปี

เจพีมอร์แกนไม่ใช่สถาบันการเงินเดียวที่พยายามจะคำนวณผลกระทบของทวิตเตอร์ของทรัมป์ต่อตลาด เมอร์ริล ลินช์ นักวิเคราะห์ของแบงก์ของอเมริกาก็เพิ่งออกมากล่าวว่า วันที่ทรัมป์ทวีตมากกว่า 35 ทวีตขึ้นไป มักจะทำให้ตลาดติดลบเฉลี่ย 9 จุด และวันที่ทรัมป์ทวีตน้อยกว่า 5 ทวีต ตลาดมักจะบวกเฉลี่ย 5 จุด

ในช่วงที่ทรัมป์ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ใหม่ๆ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดูเหมือนจะมีความหวังกับรัฐบาลทรัมป์อย่างมาก นับตั้งแต่ปี 2016 ที่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ ตลาดหุ้น S&P 500 ก็ยังโตขึ้นมาจากเดิมถึงร้อยละ 35 แต่เมื่อเวลาผ่านไปนักลงทุนไม่สามารถมองข้ามนิสัยนักทวีตของเขาไปได้ เพราะทวีตของเขามีผลกับตลาดมากทีเดียว

อย่างไรก็ตาม คริสตินา ฮูเปอร์ นักยุทธศาสตร์ตลาดโลกของบริษัทอินเวสโก บริษัทจัดการการลงทุนแสดงความเห็นว่า จำนวนทวีตของทรัมป์ไม่ได้เกี่ยวกับตลาดหุ้นโดยตรง แต่เป็นเนื้อหาในทวีตของทรัมป์ที่ทำให้ทวีตของทรัมป์มีผลกระทบกับตลาดหุ้นมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะที่ผ่านมา ทวีตของทรัมป์มักเป็นความเห็นไปเรื่อยเปื่อย ซึ่งไม่เกี่ยวกันหรือไปคนละทางกับการกระทำหรือนโยบายของรัฐบาล แต่ช่วงปีที่ผ่านมา ทรัมป์เริ่มทำในสิ่งที่ตัวเองทวีต

 ที่มา : Bloomberg, Vox, CNBC