กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการภาครัฐ ของญี่ปุ่น เปิดเผยตัวเลขอัตราการเกิดของประชากรญี่ปุ่นในปี 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความกังวลให้กับรัฐบาลเป็นอย่างมาก เมื่อตัวเลขการเกิดอยู่ที่เพียง 918,397 คน โดยมีจำนวนน้อยกว่าตัวเลขการเกิดของประชากรในปี 2560 ถึง 27,668 คน

ตัวเลขการเกิดของญี่ปุ่นต่ำกว่า 1 ล้านคน เป็นเวลา 3 ปีต่อเนื่อง และตัวเลขดังกล่าวยังนับเป็นการลดลงถึง 1 ใน 3 ของตัวเลขการเกิดของประชากรสูงสุดที่ 2.69 ล้านคน ในปี 2492 ส่งผลให้อัตราการให้กำเนิดบุตรของผู้หญิงญี่ปุ่นลดลงมาที่ 1.42 

นอกจากนี้ อัตราการแต่งงานของประชากรญี่ปุ่นยังช้าขึ้น โดยอายุเฉลี่ยของผู้ชายญี่ปุ่นในการแต่งงานคือวัย 31.1 ปี ขณะที่ผู้หญิงอยู่ที่ 29.4 ปี ขณะที่อายุเฉลี่ยที่ผู้หญิงญี่ปุ่นมีบุตรอยู่ที่ 30.7 ในการสำรวจปี 2561 

การรับมือของรัฐบาล

รัฐบาลของนาย อาเบะ ชินโสะ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของญี่ปุ่น พยายามอย่างต่อเนื่องในการเพิ่มตัวเลขอัตราการให้กำเนิดบุตรของเพศหญิงให้ขึ้นมาอยู่ที่ 1.8 โดยมีความพยายามออกกฎหมายและแรงจูงใจเพื่อให้ประชากรตัดสินใจมีบุตรมากขึ้น

นายอาเบะกล่าวว่า ภาระการเงินด้านการศึกษาของเด็กเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประชากรหลายคนตัดสินใจไม่มีบุตร เราจึงตัดสินใจทำให้การศึกษาส่วนหนึ่งฟรี

เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา รัฐบาลผ่านกฎหมายไม่เก็บค่าศึกษาเล่าเรียนและค่าเลี้ยงดูเด็กในช่วงเวลากลางวันของศูนย์เลี้ยงดูเด็กของรัฐบาล สำหรับเด็กที่มีอายุ 3-5 ปี และเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปี

ขณะที่ผู้ปกครองที่ไม่ได้พาเด็กไปยังศูนย์ดูแลของรัฐบาลจะได้เงินสมทบเป็นเงิน 37,000 เยน/เดือน หรือประมาณ 11,000 บาท/เดือน สำหรับเด็กอายุ 3-5 ปี และ 42,000 เยน/เดือน หรือประมาณ 12,000 บาท/เดือน สำหรับเด็กที่มีอายุ 2 ปีลงไป

อย่างไรก็ตาม หลายภาคส่วนยังคงวิจารณ์ว่ารัฐบาลของนายอาเบะยังไม่สามารถสร้างความสมดุลระหว่างการทำงานและการเลี้ยงดูบุตรของผู้หญิงได้ดีเท่าที่ควรจึงเป็นเหตุผลให้ตัวเลขการเกิดของประชากรยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง

อ้างอิง; Nikkei, Japan Times