วันที่ 25 กันยายน 2568 ที่อาคารรัฐสภา พรรคเพื่อไทย นำโดย รศ.ชูศักดิ์ ศิรินิล, นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว, นายจาตุรนต์ ฉายแสง, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์, นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์, รศ.นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์, รศ.ดร.รุ่งเรือง พิทยศิริ, นางสาวขัตติยา สวัสดิผล, นายวัชระพล ขาวขำ, นายวันนิวัติ สมบูรณ์, นายอภิชาติ ตีรสวัสดิชัย, นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเพื่อไทย ได้ยื่นญัตติแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เพื่อขอให้บรรจุระเบียบวาระการประชุมรัฐสภาโดยเร่งด่วน โดยร่างรัฐธรรมนูญที่เสนอแก้ไขเพิ่มเติมนี้มีเป้าหมายสำคัญคือการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
พรรคเพื่อไทยเห็นว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 จัดทำขึ้นโดยรัฐบาลที่มิได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน และมีบทบัญญัติหลายประการขัดต่อหลักการประชาธิปไตย ขาดความสมดุลในการใช้อำนาจและการตรวจสอบอำนาจระหว่างองค์กรที่ใช้อำนาจอธิปไตยกับองค์กรอิสระต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรที่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบการใช้อำนาจ มีที่มาไม่เหมาะสมและมีการใช้อำนาจล้นเกิน ทำให้ฝ่ายบริหารอยู่ในสภาพอ่อนแอ ไม่สามารถบริหารประเทศได้อย่างมีเสถียรภาพและประสิทธิภาพ ฝ่ายนิติบัญญัติก็ไม่สามารถใช้อำนาจนิติบัญญัติได้ตามหลักการแบ่งแยกอำนาจในฐานะผู้แทนปวงชน ทำให้ประเทศตกอยู่ในภาวะชะงักงัน ล้าหลัง
ซึ่งปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้เกี่ยวพันกับรัฐธรรมนูญหลายหมวดหลายมาตรา ไม่อาจดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราได้ แม้พรรคเพื่อไทยจะได้มีความพยายามแก้ไขในหลายครั้งแล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ดังนั้น เพื่อเป็นทางออกของประเทศและประชาชน และเพื่อให้ได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่เป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเพื่อกำหนดกลไกที่ทำให้ประเทศสามารถเดินหน้าไปได้อย่างมั่นคง จำเป็นต้องมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่เนื่องจากรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2560 มิได้มีบทบัญญัติว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จึงต้องแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญโดยเพิ่มหมวด 15/1 ว่าด้วยการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้น
สาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่พรรคเพื่อไทยได้ยื่นในวันนี้ ได้นำหลักการเดิมที่พรรคได้เคยประกาศไว้ในเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มาประกอบกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 เรื่องอำนาจหน้าที่ของรัฐสภาในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ให้แนวทางว่ารัฐสภามีอำนาจริเริ่มจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ แต่ต้องให้ประชาชนออกเสียงประชามติให้ความเห็นชอบว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่เสียก่อน และรัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญหรือ สสร. ได้โดยตรง รวมถึงการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องมีการจัดให้มีการออกเสียงประชามติ 3 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 อาจรวมเป็นครั้งเดียวกันได้ โดยร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมีการเพิ่มหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของพรรคเพื่อไทยซึ่งมีสาระสำคัญ สรุปได้ดังนี้
1. ได้กำหนดให้ภายหลังจากที่ประชาชนได้ออกเสียงประชามติครั้งที่ 1 เห็นชอบให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พร้อมกับการออกเสียงประชามติครั้งที่ 2 เห็นชอบในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในเรื่องวิธีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้ว ให้รัฐสภามีมติด้วยเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา เพื่อจัดให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญเพื่อมาทำหน้าที่ในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
2. สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ “สสร.” ที่รัฐสภาจะเป็นผู้เลือกและแต่งตั้งนั้น ประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 151 คน มาจาก
2.1 สมาชิกซึ่งรัฐสภาเลือกจากผู้ที่ผ่านการเลือกตั้งเป็นผู้สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญจากจังหวัดต่าง ๆ และกรุงเทพมหานคร จำนวน 300 คน ตามสัดส่วนจำนวนราษฎรของแต่ละจังหวัด และรัฐสภาเลือกให้เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญจำนวน 100 คน โดยกำหนดให้ต้องมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญแต่ละจังหวัด จังหวัดละไม่น้อยกว่า 1 คน
2.2 สมาชิกซึ่งรัฐสภาแต่งตั้งจากบุคคลผู้มีความรู้ ความสามารถ และมีความเหมาะสมที่เป็นตัวแทนหรือมาจากการเสนอชื่อของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา คณะรัฐมนตรี องค์กร สมาคม หรือกลุ่มบุคคลต่าง ๆ จำนวน 51 คน
3. กำหนดให้สภาร่างรัฐธรรมนูญแต่งตั้งคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญขึ้นคณะหนึ่ง จำนวน 27 คน โดยแต่งตั้งจากสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 14 คน และอีก 13 คน มาจากผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมหาชน จำนวน 5 คน, ผู้เชี่ยวชาญสาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ จำนวน 5 คน และผู้มีประสบการณ์ด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดิน และการร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 3 คน
4. กำหนดให้สภาร่างรัฐธรรมนูญต้องจัดทำร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน นับแต่วันที่มีการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญครั้งแรก โดยเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ ให้สภาร่างรัฐธรรมนูญนำเสนอต่อรัฐสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ เพื่อส่งร่างรัฐธรรมนูญไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อจัดให้มีการออกเสียงประชามติครั้งที่ 3 เพื่อพิจารณาว่าจะเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้หรือไม่
แต่หากรัฐสภามีความเห็นให้แก้ไขเพิ่มเติม ให้ส่งร่างรัฐธรรมนูญนั้นกลับไปยังสภาร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อให้สภาร่างรัฐธรรมนูญดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติม หรือมีมติยืนยันร่างรัฐธรรมนูญ ด้วยเสียงสองในสามของจำนวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ และสุดท้าย หากรัฐสภาลงมติไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ ด้วยเสียงสองในสามของจำนวนสมาชิกเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ให้ร่างรัฐธรรมนูญเป็นอันตกไป และให้สภาร่างรัฐธรรมนูญจัดทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่อีกครั้งภายใน 90 วัน นับแต่วันที่รัฐสภามีมติไม่เห็นชอบ
พรรคเพื่อไทยขอยืนยันด้วยเจตนารมณ์อันแน่วแน่ ที่จะให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยประชาชนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ และเนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายมีความจริงใจและจริงจังกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อเป็นทางออกของประเทศและประชาชนต่อไป