ไม่พบผลการค้นหา
'ภูมิธรรม เวชยชัย' รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หารือ 'นางเอทิริสิงเห อารัจจิลาเค ศรียานี วิชยันติ เอทิริสิงเห' เอกอัครราชทูตศรีลังกาฯ กระชับความสัมพันธ์ เสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ

วันนี้ (7 พฤษภาคม 2568) ณ ห้องสุรศักดิ์มนตรี กระทรวงกลาโหม นางเอทิริสิงเห อารัจจิลาเค ศรียานี วิชยันติ เอทิริสิงเห (H.E. Mrs. Edirisinghe Arachchilage Sriyani Wijayanthi Edirisinghe) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาประจำประเทศไทย เข้าพบหารือกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยสรุปสาระสำคัญของการหารือ ดังนี้

รองนายกรัฐมนตรีฯ กล่าวต้อนรับและยินดีที่ได้พบเอกอัครราชทูตศรีลังกาฯ พร้อมยินดีต่อการเยือนของ ดร. หรินิ อมรสูริยะ นายกรัฐมนตรีศรีลังกา ที่เข้าร่วมการประชุมผู้นำบิมสเทค ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 3-4 เมษายน 2568 ซึ่งเป็นการพบกันครั้งแรกของนายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศ นับเป็นโอกาสอันดีในการกระชับความสัมพันธ์และแสวงหาลู่ทางในการส่งเสริมความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น 

โดยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 รองนายกรัฐมนตรีฯ ได้มีโอกาสร่วมเดินทางเยือนศรีลังกาอย่างเป็นทางการกับนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และได้ลงนามความตกลงทางการค้าเสรีระหว่างกัน ซึ่งถือเป็นหมุดหมายสำคัญของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ พร้อมยินดีที่ในปีนี้ไทยกับศรีลังกามีการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตครบรอบ 70 ปี และมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน เริ่มจากการจัดประชุมหารือทางการเมืองไทย-ศรีลังกา ครั้งที่ 6 เมื่อเดือนมีนาคม 2568 และการประกวดตราสัญลักษณ์ครบรอบ 70 ปี ซึ่งช่วยกระชับความสัมพันธ์ระดับประชาชน 

เอกอัครราชทูตศรีลังกาฯ รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้พบกับรองนายกรัฐมนตรีฯ และขอบคุณรัฐบาลไทยที่ได้ให้ความช่วยเหลือเหยื่อการค้ามนุษย์ชาวศรีลังกาที่ถูกควบคุมตัวที่เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ตลอดระยะเวลา 7 เดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ ทางศรีลังกายินดีที่จะสานต่อความร่วมมือด้านการลงนาม MOU ระหว่างกองทัพในการแลกเปลี่ยนข่าวกรองร่วมกัน ตลอดจนแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ การหลอกลวงทางออนไลน์ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการร่วมมือระหว่างกัน จะส่งผลดีในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

ด้านเศรษฐกิจ รองนายกรัฐมนตรีฯ กล่าวถึงนโยบายความมุ่งมั่นของประธานาธิบดีศรีลังกา ในการรักษาความสมดุลกับทุกประเทศ ทำให้ทั้งสองประเทศเดินหน้าร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด และเห็นว่าการปฏิรูปเศรษฐกิจและการพัฒนาสังคมตามนโยบายของรัฐบาลศรีลังกาจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม

ด้านความมั่นคง รองนายกรัฐมนตรีฯ ชื่นชมศรีลังกาว่าเป็นประเทศที่มีความเชี่ยวชาญด้านการต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งมีแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างชัดเจน โดยฝ่ายไทยอาจพิจารณาเสริมสร้างความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการต่อต้านการก่อการร้ายระหว่างกันต่อไป โดยไทยให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการเฝ้าระวัง การควบคุมชายแดน และการบังคับใช้กฎหมาย รวมทั้งไทยประสงค์กระชับความร่วมมือกับศรีลังกาในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและความมั่นคงรูปแบบใหม่ โดยเฉพาะการค้ายาเสพติด การหลอกลวงออนไลน์ และการใช้ไซเบอร์สเปซในทางที่ผิด ผ่านการเสริมสร้างศักยภาพและการแลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อรับมือกับความท้าทายด้านอาชญากรรมข้ามชาติและความมั่นคงในภูมิภาค อีกทั้งขอบคุณศรีลังกาที่ได้ส่งกำลังพลเข้าร่วมสังเกตการณ์ฝึก (Combined Observer Liaison Team: COLT) ในการฝึกร่วม/ผสม Cobra Gold 2024 เมื่อปี 2567 ซึ่งไทยหวังว่าจะได้ให้การต้อนรับกำลังพลจากศรีลังกาในโอกาสต่อไป

ด้านการจัดทำความตกลงด้านกลาโหมระหว่างไทยกับศรีลังกา รองนายกรัฐมนตรีฯ ฝ่ายไทยอยู่ระหว่างการพิจารณาร่างความตกลงดังกล่าว ตามขั้นตอน และเชื่อมั่นว่า ความตกลงดังกล่าวจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น 

ด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ รองนายกรัฐมนตรีฯ เน้นย้ำว่า กระทรวงกลาโหมมุ่งมั่นพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศอย่างต่อเนื่องบนพื้นฐานของการพึ่งพาตนเอง ขณะเดียวกันยังเปิดกว้างสำหรับการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์กับมิตรประเทศเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงร่วมกันระดับสากล และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้มีโอกาสต่อยอดความร่วมมือกับศรีลังกาในอนาคต เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงและความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างกัน

โอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีฯ ได้เชิญเอกอัครราชทูตศรีลังกาฯ ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกระทรวงกลาโหมศรีลังกา รวมถึงบริษัทประกอบการของศรีลังกา เข้าร่วมงานนิทรรศการอุปกรณ์ป้องกันประเทศ (Defense and Security 2025) ระหว่างวันที่ 10-13 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการขยายความร่วมมือระหว่างกันในด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และเป็นเวทีชั้นนำสำหรับการนำเสนอพัฒนาการล่าสุดของเทคโนโลยีด้านการป้องกันประเทศให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น