วันนี้ (8 กันยายน 2568) นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. .... ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรลงมติเห็นชอบแล้ว
นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) การคมนาคม วุฒิสภา กล่าวรายงานผลการพิจารณาศึกษาร่างกฎหมายดังกล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อประชาชนผู้ใช้ระบบขนส่งสาธารณะ เนื่องจากปัจจุบันมีผู้ให้บริการหลายราย ซึ่งแต่ละรายต่างมีระบบจัดเก็บค่าโดยสารของตนเอง ทำให้ต้นทุนการเดินทางอยู่ในอัตราสูงและประชาชนต้องเป็นผู้รับภาระ การมีกฎหมายฉบับนี้จะช่วยอำนวยความสะดวก ลดค่าใช้จ่าย ช่วยให้ประชาชนสามารถใช้บัตรโดยสารใบเดียวในการเดินทางได้ทุกระบบ รวมทั้งลดค่าใช้จ่ายในด้านต้นทุนการจัดทำและบริหารจัดการระบบการจัดเก็บค่าโดยสารหรือค่าธรรมเนียมของผู้ประกอบการ ทำให้สามารถลดค่าโดยสารลง อันจะเป็นประโยชน์แก่ประชาชนผู้ใช้บริการ จึงสมควรกำหนดให้มีการบริหารจัดการร่วมกันในรูปแบบระบบตั๋วร่วม โดยการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วมสนับสนุนการดำเนินงาน การพัฒนา และการส่งเสริมเกี่ยวกับการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ทั้งยังส่งเสริมให้ประชาชนเปลี่ยนพฤติกรรมจากการใช้รถส่วนบุคคล มาสู่ระบบขนส่งสาธารณะ อันเป็นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามเป้าหมายการแก้ปัญหาโลกร้อนของรัฐบาล ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการฯ ได้พิจารณาร่างกฎหมายรอบด้าน โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงและตอบข้อซักถามในหลายประเด็น อาทิ มาตรฐานเทคโนโลยีระบบตั๋วร่วม การกำหนดอัตราค่าโดยสารร่วม และการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานและสร้างความยั่งยืนของระบบ
ด้านสมาชิกวุฒิสภาอภิปรายสนับสนุนร่างกฎหมาย เช่น นางอัจฉรพรรณ หอมรส เห็นว่าการมีกฎหมายนี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายของประชาชน เกิดความสะดวกในการเดินทาง และยังสร้างความโปร่งใสในการจัดเก็บรายได้จากค่าโดยสาร พร้อมเสนอแนะเพิ่มเติมว่า กฎหมายควรครอบคลุมทุกระบบ เช่น รถไฟฟ้าทุกสาย รถโดยสารประจำทาง และเรือ อีกทั้งควรมีผู้แทนภาคประชาชนร่วมเป็นกรรมการกองทุนฯ เพื่อสร้างความสมดุลและตรวจสอบได้
ภายหลังการอภิปราย ที่ประชุมวุฒิสภามีมติรับร่างกฎหมายด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 155 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง และตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญจำนวน 21 คน เพื่อพิจารณาในวาระที่สอง โดยกำหนดเวลาแปรญัตติภายใน 7 วัน